ความแตกต่างของปูนกับคอนกรีต ทั้งลักษณะทางกายภาพ ส่วนประกอบของวัสดุ คุณสมบัติ และการนำไปใช้งาน >“ปูน” กับ “คอนกรีต” หลายครั้งเรามักสับสนและเรียกปนกัน เพราะเรียกติดปากอะไรก็ “ปูน” ไปซะหมด อย่างบ้านที่เห็นกันทั่วไปก็เรียก บ้านปูน เทพื้นที่จอดรถหน้าบ้านก็เรียก เทปูน อยากได้ผนังฉาบขัดมันก็เรียก ผนังปูนเปลือย ทั้งที่จริงแล้วความหมายของปูนที่เรียกกันนั้นบางครั้งหมายถึง “คอนกรีต” ซึ่งมีส่วนประกอบและคุณสมบัติที่แตกต่างจาก “ปูน” อยู่หลายด้าน >. >## ปูน >หรือปูนซีเมนต์ มีลักษณะเป็นผงสีเทา ส่วนผสมหลักคือ หินปูน หินดินดาน ดินลูกรัง และทราย เป็นวัสดุหลักในการผสมกับส่วนประกอบอื่นๆ เพื่อใช้ในงานก่อสร้าง แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ >๐ ปูนซีเมนต์สำหรับงานโครงสร้าง มีความสามารถในการรับน้ำหนักและแรงกดดันได้ดี มีความทนทานและไม่เกิดการหดตัวหรือแตกร้าวง่าย เช่น ปูนปอร์ตแลนด์ธรรมดาใช้กับงานก่อสร้างพื้น เสา และคาน ปูนปอร์ตแลนด์ดัดแปลงใช้กับงานฐานราก สะพานเรือ และตอม่อ ปูนต้านทานซัลเฟตใช้กับสิ่งปลูกสร้างใกล้กับทะเลหรือพื้นที่มีดินเค็ม >๐ ปูนซีเมนต์สำหรับงานก่อ ฉาบ เทปรับระดับ และซ่อม มีกำลังน้อยกว่าปูนซีเมนต์สำหรับงานโครงสร้าง แต่มีความสามารถในการยึดเกาะได้ดี จึงเหมาะการก่ออิฐหรือฉาบพื้นกับผนังให้เรียบเนียน รวมถึงการใช้ในโครงสร้างขนาดเล็กอย่างเสาเอ็นคานเอ็น โดยจะแบ่งประเภทปูนตามการใช้งาน เช่น ปูนก่อ ฉาบ เท ปูนฉาบสูตรพิเศษ >บรรจุภัณฑ์ของปูนซีเมนต์นอกจากแบบถุงที่น่าจะคุ้นตากันดี ยังมีแบบที่บรรจุในรถขนปูนลักษณะเหมือนสามเหลี่ยมคว่ำ รวมถึงถังไซโลสูงๆ สำหรับผสมคอนกรีตตามแพลนท์ปูน (แพลนท์คอนกรีต) หรือตามไซต์งานก่อสร้างต่างๆ >ปูนซีเมนต์ รถขนปูน และถังไซโลสำหรับผสมคอนกรีตตามแพลนท์ปูน >ภาพ: ปูนซีเมนต์ รถขนปูน และถังไซโลสำหรับผสมคอนกรีตตามแพลนท์ปูน >. >สำหรับ ปูนซีเมนต์สำหรับงานก่อ ฉาบ เทปรับระดับ และซ่อม เมื่อนำมาผสมกับทรายและน้ำ (ปูนซีเมนต์ + ทราย + น้ำ) จะเรียกกันว่า “ปูนทราย” ซึ่งใช้สำหรับงานก่ออิฐ ฉาบปูน เทปรับระดับพื้นก่อนติดตั้งวัสดุปิดผิว งานหล่อปูนที่ไม่ได้รับน้ำหนัก และงานโครงสร้างขนาดเล็ก สามารถเลือกใช้ปูนซีเมนต์ตามประเภทงานได้ อย่างไรก็ดี เพื่อให้การทำงานก่อสร้างสะดวกมากขึ้น ผู้ผลิตหลายรายจึงผลิตปูนอีกประเภทที่เรียกว่า “ปูนมอร์ตาร์หรือปูนสำเร็จรูป” ที่มีการผสมปูนและทรายตามสัดส่วนของงานแต่ละประเภท การนำไปใช้เพียงเติมน้ำตามอัตราส่วนก็ใช้งานได้เลย ซึ่งมีทั้งปูนก่อฉาบสำหรับทั้งอิฐมอญและอิฐมวลเบา ปูนซ่อมอเนกประสงค์ ตลอดจนปูนฉาบลอฟต์ ปูนฉาบตกแต่งต่างๆ >ส่วนผสมของปูนทราย ได้แก่ ปูนซีเมนต์ + ทราย + น้ำ ให้เนื้อเหนียวเนียน >ภาพ: ส่วนผสมของปูนทราย ได้แก่ ปูนซีเมนต์ + ทราย + น้ำ ให้เนื้อเหนียวเนียน >. >## คอนกรีต >หากนำ ปูนซีเมนต์สำหรับงานโครงสร้าง มาผสมกับทราย น้ำ และหิน (ปูนซีเมนต์ + ทราย + น้ำ + หิน) จะได้เป็น “คอนกรีต” ซึ่งใช้ในการหล่อโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ตั้งแต่งานหล่อเสาเข็ม ฐานราก เสา คาน พื้น ฯลฯ สามารถผสมเองที่หน้างานก็ได้ หรือเลือกใช้คอนกรีตผสมเสร็จจากผู้ผลิตซึ่งจะได้กำลังอัดสูงกว่าและได้มาตรฐาน หรือเลือกใช้ชิ้นงานสำเร็จรูปที่ผลิตจากโรงงานเพื่อนำมาประกอบที่หน้างาน (Precast Concrete) เช่น แผ่นพื้น/ผนังสำเร็จรูป รางรถไฟฟ้า ชิ้นส่วนสะพาน โดยคอนกรีตจะมีหลายประเภทตามการใช้งานไม่ว่าจะเป็น คอนกรีตแข็งตัวเร็ว คอนกรีตพรุน (Porous Concrete) คอนกรีตงานใต้น้ำ คอนกรีตทนกรด คอนกรีตกันซึม ฯลฯ ซึ่งสามารถสั่งผลิตตามกำลังอัด (Strength) ที่วิศวกรออกแบบเพื่อให้เหมาะสมกับงานแต่ละประเภทได้ด้วย >รถโม่ปูน หรือ รถขนคอนกรีต CPAC >ภาพ: รถโม่ปูน หรือ รถขนคอนกรีต CPAC >ส่วนผสมของคอนกรีต >ภาพ: ส่วนผสมของคอนกรีต ได้แก่ ปูนซีเมนต์ + ทราย + น้ำ + หิน ให้เนื้อหนักหยาบ >คอนกรีตผสมเสร็จสำหรับงานหล่อโครงสร้างพื้น >ภาพ: คอนกรีตผสมเสร็จสำหรับงานหล่อโครงสร้างพื้น >. >สรุปโดยง่ายคือ ปูน มีลักษณะเป็นผงที่ยังไม่ได้ผสมกับส่วนประกอบใดๆ เพื่อใช้งาน แต่เมื่อนำมาผสมกับทรายและน้ำ มักเรียกว่า ปูนทราย ใช้ในงานปูนฉาบ ก่อ เท และซ่อม ส่วนคอนกรีตคือการนำปูนมาผสมกับทราย น้ำ และหิน ใช้ในงานโครงสร้าง ทั้งนี้หากใช้ปูนทรายหรืองานปูนควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับประเภทงาน แต่หากเลือกใช้คอนกรีตควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือวิศวกรเพื่อให้ได้โครงสร้างที่เหมาะสมและแข็งแรง >. >สนใจ ปูนซีเมนต์โครงสร้าง คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >สนใจ ปูน-ก่อ-ฉาบ-เท คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >สนใจ ปูนเสือมอร์ตาร์-ปูนซีเมนต์สำเร็จรูป คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >อ่านเพิ่มเติม: ปูนซีเมนต์มีกี่ประเภท รู้ไว้ก่อนสร้างบ้าน รีโนเวทบ้าน >อ่านเพิ่มเติม: “ปูนซีเมนต์ผสม ก่อ ฉาบ เท” กับ “ปูนสำเร็จรูป” ต่างกันอย่างไร
งานออกแบบบ้านสวนในสไตล์ Japandi เป็นบ้านชั้นเดียวท่ามกลางสวนมะพร้าว บรรยากาศแสนอบอุ่นและให้ความเป็นส่วนตัวสำหรับสมาชิกในครอบครัว >หากใครผ่านมาจะเห็นสองข้างทางที่เป็นสวนมะพร้าวและเจอบ้านหลังน้อยที่มองดูแปลกตา เพราะแตกต่างจากบ้านทั่วไปทั้งสีสันและดีไซน์ ภายนอกที่ดูปกปิดมิดชิด แต่ภายในกว้างขวางเพียงพอสำหรับเจ้าของบ้าน 2 คนและน้องแมวอีก 1 ตัว บ้านลึกยาวไปตามแนวเขตที่ดินที่เป็นสวนมะพร้าวน้ำหอม เนื้อที่ 8 ไร่ พื้นที่ใช้สอย 360 ตร.ม. ประกอบด้วย ห้องนอน 1 ห้อง ห้องน้ำ 2 ห้อง ห้องนั่งเล่น 1 ห้อง และห้องรับแขกที่ต่อเนื่องกับครัวแบบ Open Plan >สถาปนิกออกแบบบ้านตามโจทย์ที่ได้รับมาจากเจ้าของบ้าน โดยมีตำแหน่งเสาเข็มที่ตอกไว้อยู่แล้วจากแบบเดิมก่อนหน้านี้ ภายใต้ความต้องการหลักคือ มีความเป็นส่วนตัวสูง ฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบสไตล์การอยู่อาศัย ดีไซน์สวยงามแนว Japandi และอยู่สบาย >หน้าบ้านที่ดูปกปิดมิดชิดสร้างความเป็นส่วนตัว >ภาพ: หน้าบ้านที่ดูปกปิดมิดชิดสร้างความเป็นส่วนตัว >. >## แนวคิดในการออกแบบ >การออกแบบภายใต้เงื่อนไขของแนวเสาเข็มเดิม แต่ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันให้ตอบโจทย์ลงตัวและมีความเป็นส่วนตัวสูงตามที่เจ้าของบ้านต้องการ สถาปนิกจึงพิจารณาการเข้าถึง การเดินเชื่อมต่อระหว่างภายนอกบ้านไปยังภายในบ้าน โดยหน้าบ้านด้านที่ติดถนนจะปิดมิดชิด เลือกใช้ประตู Garage ที่มีระบบพับขึ้นแบบต่างประเทศ (ตามเจ้าของบ้านแนะนำ) คนภายนอกไม่สามารถมองเห็นภายในได้เลย และมีการจัดวางแนวอาคารเป็นแนวยาวลึก พื้นที่ภายในเชื่อมต่อมองเห็นกัน เปิดช่องแสงใหญ่ด้วยประตูกระจกบานเลื่อนตลอดแนวเพื่อมองเห็นวิวภายนอกที่เป็นสนามหญ้ากว้าง จุดเด่นคือรับลมได้ดีเพราะเป็นทิศใต้ แต่ช่วงบ่ายแสงแดดเข้าถึงได้ จึงออกแบบชายคายื่นยาวเพื่อป้องกันความร้อน เพิ่มต้นไม้ใหญ่ได้ร่มเงาช่วยกรองแสงและสวยงามล้อกับสนามหญ้า >ตำแหน่งกลางบ้านเป็นพื้นที่รับแขกแบบ Open Plan เปิดโล่งต่อเนื่องกับครัวและพื้นที่รับประทานอาหาร แต่ด้วยระยะพื้นถึงหลังคาค่อนข้างสูงตามรูปทรงของบ้าน สถาปนิกจึงดีไซน์ชั้นลอยเพื่อไม่ให้รู้สึกโล่งกว้างจนเกินไป โดยให้เป็นห้องพระซึ่งนับว่าลงตัวและเหมาะสมที่สุด ระหว่างทางขึ้นยังออกแบบให้เป็นทางเดินน้องแมวสามารถขึ้นลงได้อย่างอิสระ >เลือกประตู Garage ที่มีระบบพับขึ้นแบบต่างประเทศ >ภาพ: เลือกประตู Garage ที่มีระบบพับขึ้นแบบต่างประเทศ >การจัดวางแนวอาคารเป็นแนวยาวลึก >ภาพ: การจัดวางแนวอาคารเป็นแนวยาวลึก เปิดช่องแสงใหญ่ตลอดแนวเพื่อมองเห็นวิวสนามหญ้ากว้าง >พื้นที่รับแขกแบบ Open Plan >ภาพ: พื้นที่รับแขกแบบ Open Plan เปิดโล่งต่อเนื่องกับครัวและพื้นที่รับประทานอาหาร >ชั้นลอยและทางเดินของน้องแมว >ภาพ: (ซ้าย) ชั้นลอยที่เป็นห้องพระ และ (ขวา) ทางเดินขึ้นลงของน้องแมว >. >และด้วยความที่เป็นบ้านชั้นเดียว สถาปนิกจึงเลือกวางห้องนอนและห้องนั่งเล่นไว้ด้านในสุด อยู่ติดกับบ่อน้ำมองเห็นวิวธรรมชาติ ห้องนั่งเล่นนี้สำหรับเจ้าของบ้าน ออกแบบไว้เผื่อเป็นห้องดูหนังฟังเพลงหรือทำงานหรือพักผ่อนในวันสบายๆ มีความเป็นส่วนตัวถูกปิดจากภายนอก แต่เปิดกว้างรับลมชมวิวบ่อน้ำและสวนมะพร้าว มีระเบียงและชายคายื่นยาว สงบและอากาศดีมากเพราะอยู่ในทิศตะวันออกที่ได้รับแสงเช้าอ่อนๆ และจะร่มลมโชยตลอดช่วงบ่าย >ห้องนอนและห้องนั่งเล่นอยู่ติดบ่อน้ำ >ภาพ: ห้องนอนและห้องนั่งเล่นอยู่ติดบ่อน้ำ >บรรยากาศห้องนอนเรียบง่ายโทนสีเข้ม >ภาพ: บรรยากาศห้องนอนเรียบง่ายโทนสีเข้มให้ความรู้สึกสงบเพื่อการพักผ่อน >ห้องนั่งเล่นมีระเบียงยื่นยาวถูกปิดจากภายนอก >ภาพ: ห้องนั่งเล่นมีระเบียงยื่นยาวถูกปิดจากภายนอก แต่เปิดกว้างรับลมชมวิวบ่อน้ำและสวนมะพร้าว >. >## การเลือกใช้วัสดุและการตกแต่ง >เนื่องจากเป็นการตกแต่งในสไตล์ Japandi มีความมินิมอล สงบและเรียบง่าย จึงใช้วัสดุธรรมชาติ โทนไม้และสีขาวกับเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว แฝงด้วยความทันสมัยอย่างงานระบบไฟที่มีระบบเชื่อมต่อกับโทรศัพท์สามารถเปิดปิดไฟและตรวจสอบความผิดปกติภายในบ้านโดยผ่านโทรศัพท์มือถืv >หลังคาบ้านเลือกใช้หลังคาแผ่นเรียบอย่าง กระเบื้องหลังคาเซรามิค เอสซีจี รุ่นเอ็กซ์เซลล่า สีเทา เพราะเข้ากับสไตล์ของบ้านที่มีความร่วมสมัยหลังคาจั่วทรงสูง ผนังหลักสีขาวตกแต่งด้วยไม้โทนสีอ่อนและราวระเบียงชั้นลอยสีเทาเบจ พื้นห้องรับแขกเป็นกระเบื้องลวดลายหินสีเทาอ่อนกับพื้นระเบียงกระเบื้องลายไม้สีน้ำตาลหม่นอมเทา พื้นห้องนอนเป็น ไม้ SPC ที่มีลวดลายไม้สวยงามและให้สัมผัสนุ่มนวลสบายเท้า ห้องน้ำคลุมโทนสีเทาเบจ แต่งด้วยแผ่นหินแกรนิตสีเทาที่เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าด้านบนเรียบเนียนด้านข้างปล่อยผิวขรุขระ เป็นการตกแต่งน้อยชิ้นภายใต้ความเป็นธรรมชาติของสไตล์ Japandi >การตกแต่งสไตล์ Japandi >ภาพ: การตกแต่งสไตล์ Japandi มีความมินิมอล วัสดุธรรมชาติ โทนไม้และสีขาวกับเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว >ผนังหลักสีขาว เสาคานเหล็กสีเทาเบจ >ภาพ: ผนังหลักสีขาว เสาคานเหล็กสีเทาเบจ วัสดุตกแต่งอื่นๆ ลวดลายไม้สีอ่อน และพื้นกระเบื้องหินสีเทา >ห้องน้ำคลุมโทนสีเทาเบจ >ภาพ: ห้องน้ำคลุมโทนสีเทาเบจ แต่งด้วยแผ่นหินแกรนิตสีเทาที่เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า >. >สนใจ กระเบื้องหลังคาเซรามิค เอสซีจี รุ่นเอ็กซ์เซลล่า โมเดิร์น คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >สนใจ ไม้พื้น SPC คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >สนใจ กระเบื้องลวดลายหิน และ ไม้ คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >อีกหนึ่งบ้านสวนที่มองผ่านๆ เหมือนบ้านหลังน้อย แต่ใครจะรู้ว่าด้านในโอ่โถงกว้างขวางและอยู่สบาย การออกแบบที่หลบซ่อนอยู่ภายในเผยเฉพาะคนในครอบครัวเท่านั้นได้มองเห็นและสัมผัสถึงบรรยากาศโดยรอบทั้งบ่อน้ำและสวนมะพร้าวเป็นภาพจำที่ได้เสพทุกวัน ฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์คนที่มีความเป็นส่วนตัว ความอยู่สบายกับการออกแบบสเปซสูงโปร่งที่ลงตัวกับดีไซน์ของบ้าน >. >ขอขอบคุณ >เจ้าของโครงการ >สถาปนิก: studio.sml | คุณดำรงค์ชัย สิงหอุดมชัย >ภาพถ่าย: studio.sml >Design Connext คอมมูนิตี้แหล่งรวมสถาปนิก/นักออกแบบ ที่ช่วยเชื่อมต่อทุกองศาของงานออกแบบ >. >. >อ่านเพิ่มเติม: ดีไซน์บ้านสไตล์นอร์ดิก ฉบับตอบโจทย์เมืองร้อนฝนแรง >อ่านเพิ่มเติม: บ้านแนวคิดไทย-ญี่ปุ่น อบอุ่นใต้ต้นไม้ใหญ่ l Rain Tree House
ที่มาที่ไปของปัญหาพื้นรอบบ้านทรุด ผลกระทบ พร้อมประเด็นที่หลายคนสงสัยว่าจะทำให้บ้านทรุดพังหรือไม่ รวมถึงแนวทางแก้ปัญหาโพรงใต้บ้าน และพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กรอบบ้านทรุด แตกร้าว >ปัญหาพื้นรอบบ้านทรุด ไม่ว่าจะเป็นพื้นดินหรือพื้นคอนกรีต ซึ่งทำให้เกิดปัญหาโพรงใต้บ้านหรือพื้นแตกร้าวนั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อย โดยเฉพาะบ้านที่สร้างบนที่ดินซึ่งถมมาไม่นานหรือเป็นบึงเป็นบ่อมาก่อน อย่างไรก็ตามปัญหานี้อาจทำให้เจ้าของบ้านหลายคนกังวลใจไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร บางครั้งอาจกลัวว่าจะทำให้บ้านทรุดตามไปด้วย SCG HOME จึงขอนำเรื่องนี้มาเล่าโดยเริ่มจากที่มาที่ไปของปัญหาและข้อสงสัยดังนี้ >## พื้นรอบบ้านทรุด เป็นสัญญาณของปัญหาบ้านทรุดใช่หรือไม่ ? >ก่อนอื่นให้นึกภาพว่า พื้นผิวดินที่เราสร้างบ้านกันโดยทั่วไปมักเป็น “ชั้นดินอ่อน” ในขณะที่ “ชั้นดินแข็ง” จะอยู่ลึกลงไปใต้ชั้นดินอ่อนอีกที ชั้นดินอ่อนนั้นมักทรุดตัวง่าย เวลาสร้างบ้านจึงต้องลงโครงสร้างฐานรากพร้อมเสาเข็มลึกไปให้ถึงชั้นดินแข็งเพื่อพยุง “ตัวบ้าน” ไม่ให้ทรุด ส่วนพื้นดินบริเวณรอบบ้านซึ่งไม่มีอะไรรองรับ เมื่อเกิดการทรุดตัว ระดับดินก็จะต่ำลงห่างจากพื้นบ้านของเราไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเมื่อระดับดินรอบบ้านต่ำกว่าระดับท้องคานบ้าน และดินรอบบ้านบางส่วนไหลลงไปอยู่ใต้ตัวบ้าน จึงเกิดเป็น “โพรงใต้บ้าน” นั่นเอง บ้านทรุด ดินทรุดรอบบ้าน พื้นรอบบ้านทรุด โพรงใต้บ้าน >ภาพ: ดินรอบบ้านทรุดจนเกิดโพรงใต้บ้าน แก้ปัญหาโพรงใต้บ้าน โดยผู้เชี่ยวชาญ คลิก\{.button .newtab} {.centered} >ส่วนพื้นรอบบ้านที่เป็นพื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก จะมีบางส่วนที่หล่อแยกกับตัวบ้านโดยไม่มีเสาเข็มรองรับ หรือถ้ามีก็เป็นเสาเข็มสั้นความยาวไม่เกิน 6 เมตร ซึ่งยังอยู่ในระดับชั้นดินอ่อนเท่านั้น หากเทียบกับตัวบ้านซึ่งลงเสาเข็มลึกไปถึงชั้นดินแข็ง (ประมาณ 17-23 ม. สำหรับเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล) พื้นรอบบ้านจึงย่อมทรุดเร็วกว่าตัวบ้านและอาจเกิดการแตกร้าวได้ง่าย ลงเสาเข้มป้องกันบ้านทรุด >ภาพ: พื้นรอบบ้านทรุดตัวเร็วตามอัตราการทรุดของชั้นดินอ่อน ส่วนบ้านซึ่งลงเสาเข็มลึกจนถึงชั้นดินแข็งจะทรุดช้ากว่า บ้านทรุด ดินทรุดรอบบ้าน พื้นรอบบ้านทรุด โพรงใต้บ้าน >ภาพ: เมื่อดินทรุดรอบบ้าน ก็อาจทำให้พื้นรอบบ้านที่เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กเกิดทรุดตามไปด้วยจนแตกร้าว >## ดังนั้น...เมื่อพื้นรอบบ้านทรุด ก็ไม่ได้แปลว่าบ้านจะทรุดตาม... >แม้ว่าพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กรอบบ้านเราจะทรุดจนแตกร้าว หรือเห็นโพรงใต้บ้าน ให้เข้าใจเสมอว่าพื้นส่วนนี้จะทรุดไปตามชั้นดินอ่อน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวบ้านซึ่งมีเสาเข็มรองรับลึกไปถึงชั้นดินแข็ง เจ้าของบ้านจึงสบายใจได้ว่าตัวบ้านของเราไม่ได้จะทรุดจะพังตาม กรณีที่ตัวบ้านเกิดปัญหาจะมีสัญญาณอื่นแสดงถึงความผิดปกติด้านโครงสร้าง เช่น ตัวบ้านและพื้นในบ้านมีการเอียงทรุดตัวไปด้านในด้านหนึ่ง มีรอยร้าวที่โครงสร้าง เสา คาน เกิดรอยร้าวแนวเฉียงบนผนัง หากพบสัญญาณเหล่านี้ควรรีบปรึกษาวิศวกรโครงสร้าง คานร้าว เสาร้าว บ้านทรุด โครงสร้างบ้านร้าว >ภาพ: การแตกร้าวของโครงสร้างเสาคาน คือสัญญาณที่แสดงถึงอันตรายของโครงสร้างบ้าน ควรรีบปรึกษาวิศวกรเพื่อหาทางแก้ไข >## พื้นรอบบ้านทรุดจนแตกร้าวหรือเกิดโพรงใต้บ้าน ควรทำอย่างไร ? >แม้ปัญหาพื้นรอบบ้านทรุดจะไม่ได้ทำให้บ้านทรุดหรือพังตาม แต่โพรงใต้บ้านที่เกิดขึ้นนั้น ถ้าปล่อยไว้ก็จะดูไม่สวยงาม และอาจเป็นที่หลบซ่อนของสัตว์ไม่พึงประสงค์ สัตว์มีพิษต่างๆ ได้ ส่วนพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กที่แตกร้าวนอกจากจะไม่สวยงามแล้วยังทำให้ใช้งานไม่สะดวก อาจเกิดการสะดุดล้มเป็นอันตรายได้ จึงเป็นปัญหาที่เจ้าของบ้านไม่ควรละเลย ในการแก้ไขแนะนำให้พิจารณาอัตราการทรุดประกอบควบคู่กันไป สำหรับบ้านที่อายุไม่เกิน 3 ปี ดินรอบบ้านมักทรุดตัวอย่างต่อเนื่อง ควรแก้ไขแบบชั่วคราวไปก่อน จนกว่าอัตราการทรุดจะชะลอลง (คือ ทรุดไม่เกินปีละ 10 ซม.) จึงค่อยคิดแก้ไขแบบถาวร แก้ปัญหาโพรงใต้บ้าน โดยผู้เชี่ยวชาญ คลิก\{.button .newtab} {.centered} >## แก้ปัญหาดินทรุดรอบบ้านจนเกิดโพรงใต้บ้าน >• กรณีพื้นรอบบ้านยังมีแนวโน้มทรุดตัวเร็ว อาจแก้ไขชั่วคราวโดยใช้กระถางต้นไม้หรือขอบคันหินวางปิดโพรงไปก่อน โดยสามารถตกแต่งต้นไม้เพิ่มเติมให้ดูสวยงามได้ด้วย กรณีที่พื้นรอบบ้านเป็นพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กที่ยุบตัวไปพร้อมกับดิน หากสภาพพื้นยังดีไม่แตกร้าวเสียหายอาจใช้อีกวิธี คือก่อผนังอิฐปิดช่องโพรงก็ได้ บ้านทรุด ดินทรุดรอบบ้าน พื้นรอบบ้านทรุด โพรงใต้บ้าน ขอบคันหินปิดโพรงใต้บ้าน ปัญหาโพรงใต้บ้าน >ภาพ: ตัวอย่างการปิดโพรงใต้บ้านแบบชั่วคราวด้วยกระถางต้นไม้ (ซ้ายบน) หรือขอบคันหิน (ขวาบน) ทั้งนี้อาจประยุกต์โดยวางขอบคันหิน 2 แถว และใส่ดินตรงกลางทำเป็นกระบะปลูกต้นไม้ ซื้อขอบคันหิน คลิก\{.button .newtab} {.centered} บ้านทรุด ดินทรุดรอบบ้าน พื้นรอบบ้านทรุด โพรงใต้บ้าน ก่ออิฐปิดโพรงใต้บ้าน ปัญหาโพรงใต้บ้าน >ภาพ: ตัวอย่างการก่ออิฐปิดโพรงใต้บ้าน กรณีพื้นรอบบ้านเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่แตกร้าว ซื้อกระถางต้นไม้ คลิก\{.button .newtab} {.centered} >• กรณีพื้นรอบบ้านมีอัตราการทรุดตัวช้าลง สามารถแก้ไขแบบถาวรโดยให้ผู้เชี่ยวชาญใช้วัสดุอุดเติมโพรงใต้บ้าน หรือปิดด้วยวัสดุแผ่นที่มีความแข็งแรงอย่างไฟเบอร์ซีเมนต์พร้อมระบบการยึดที่แข็งแรงป้องกันดินไหลเข้าใต้โพรง > ปิดโพรงใต้บ้าน สมาร์ทบอร์ด อุดโพรงใต้บ้าน คิวช่าง บ้านทรุด ดินทรุดรอบบ้าน พื้นรอบบ้านทรุด โพรงใต้บ้าน ภาพ: การปิดโพรงใต้บ้านด้วยวัสดุแผ่นโดยมืออาชีพ แก้ปัญหาโพรงใต้บ้านแบบถาวร > แก้ปัญหาโพรงใต้บ้าน โดยผู้เชี่ยวชาญ คลิก\{.button .newtab} {.centered} > >## แก้ปัญหากรณีพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กทรุดแตกร้าวเสียหาย >โดยปกติเมื่อพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กแตกร้าว จะต้องทุบรื้อออกแล้วหล่อพื้นใหม่ (อาจลงเสาเข็มสั้นด้วยเพื่อชะลอการทรุดตัว) ซึ่งถ้าพื้นดินยังคงทรุดอย่างรวดเร็ว พื้นคอนกรีตเสริมเหล็กที่หล่อใหม่ก็อาจแตกร้าวอีกในอนาคตอันใกล้ กรณีนี้อาจเปลี่ยนมาใช้ “บล็อกปูพื้น” จะดูคุ้มค่ากว่า เพราะสามารถปูลงพื้นดินได้โดยตรง หากพื้นทรุดตัวก็เพียงแค่รื้อออกแล้วปรับหน้าดิน จากนั้นก็นำบล็อกชุดเดิมปูลงไปได้ ข้อดีของบล็อกปูพื้นคือ มีความแข็งแรง ใช้ปูได้ทั้งพื้นที่จอดรถและพื้นที่อเนกประสงค์ทั่วไป สร้างแพทเทิร์นลวดลายได้ตามใจชอบ สำหรับใครที่ชอบพื้นที่สีเขียวสามารถเลือกใช้บล็อกสนามหญ้า ซึ่งมีช่องสำหรับปลูกหญ้าได้ด้วย เทพื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก เทพื้นปูนหน้าบ้าน เทปาดขัด Cpac คอนกรีตพิมพ์ลาย พื้นคอนกรีตพิมพ์ลาย Stamped Concrete คอนกรีตแสตมป์ กระเบื้องปูพื้น >ภาพ: การหล่อเทพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กภายนอกบ้าน (บนซ้าย) และการตกแต่งผิวพื้นด้วยวิธีต่างๆ ได้แก่ คอนกรีตพิมพ์ลาย (บนขวา) กระเบื้องคอนกรีต (ล่างซ้าย) และกระเบื้องเซรามิก (ล่างขวา) ตัวหนอนปูพื้น บล็อกปูพื้น บล็อกตัวหนอน บล็อกปูพื้น scg >ภาพ: ตัวอย่างการใช้บล็อกปูพื้นลวดลายต่างๆ (บน) และบล็อกสนามหญ้า (ล่าง) บริการหล่อเทพื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก ตกแต่งผิวพื้นภายนอก และติดตั้งบล็อกปูพื้น คลิก\{.button .newtab} {.centered} >เมื่อทำความเข้าใจที่มาที่ไปแล้ว จะเห็นว่าดินรอบบ้านทรุดไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร อย่างน้อยก็สบายใจได้ระดับหนึ่งว่า แม้พื้นรอบบ้านทรุดจนเกิดปัญหาโพรงใต้บ้านหรือพื้นคอนกรีตแตกร้าวก็ตาม แต่หากไม่ได้มีสัญญาณที่แสดงถึงอันตรายของโครงสร้าง บ้านของเราก็จะยังอยู่ดี ไม่ได้จะทรุดหรือพังตามกันไปในเร็วๆ นี้ แนะนำให้เจ้าของบ้านควรหาวิธีอุดปิดโพรง หรือปรับปรุงพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กที่แตกร้าวให้เรียบร้อย โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของอัตราการทรุดตัวของดินรอบบ้านเป็นสำคัญ
เปรียบเทียบการเลือกใช้กระจกที่ช่องแสงประตูหน้าต่างระหว่างกระจกลามิเนตกับกระจกธรรมดาติดฟิล์ม หากต้องการเพิ่มคุณสมบัติในการช่วยลดความร้อนและเรื่องนิรภัยต่าง ๆ >ประตูหน้าต่างและช่องแสงที่เป็นกระจก เป็นส่วนที่แสงและความร้อนสามารถส่องผ่านเข้ามาได้ ทั้งยังมีความเปราะบาง เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ยิ่งหากเป็นกระจกบานใหญ่ด้วยแล้ว หากเกิดการแตกเสียหาย ก็อาจส่งผลต่อร่างกายของสมาชิกในบ้านได้ ปัจจุบันมีกระจกที่มีคุณสมบัติทั้งช่วยลดร้อนและเป็นกระจกนิรภัยในตัว นั่นก็คือ “กระจกลามิเนต” นอกจากนี้ยังมีอีกทางเลือกคือ “กระจกธรรมดามาติดฟิล์มเพิ่มที่ด้านใน” การตัดสินใจว่าจะเลือกใช้แบบไหนดี คงต้องดูข้อมูลหลายๆ ส่วนมาประกอบกัน >## มาทำความรู้จักกับกระจกทั้งสองแบบ >กระจกลามิเนต (Laminated Glass) เป็นกระจกรูปแบบหนึ่งที่เกิดจากการนำกระจกตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไปมาประกบกันโดยมีแผ่นฟิล์มนิรภัย PVB (Poly Vinyl Butyral) อยู่ระหว่างกลางเพื่อยึดกระจกให้มีความแข็งแรงทนทานมากยิ่งขึ้น มีคุณสมบัติเด่นคือ เมื่อกระจกได้รับความเสียหายจนเกิดการแตกจะยังคงรูปเป็นแผ่นดังเดิม ไม่ร่วงหล่นเป็นเศษเล็กๆ เพราะแผ่นฟิล์มตรงกลางทำหน้าที่เป็นตัวยึดเกาะไม่ให้เศษกระจกหลุดร่วงลงมาที่อาจทำให้เกิดอันตรายได้ จึงมีความปลอดภัยต่อสมาชิกในบ้านหรือคนที่เดินผ่านไปมา >นอกจากนี้ยังมีข้อดีเรื่องช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกและเก็บเสียงได้ดีกว่ากระจกธรรมดา (ที่มีความหนากระจกรวมเท่ากัน) ช่วยป้องกันความร้อนได้ดีและกันรังสียูวีได้มากกว่า 90% ทนต่อแรงดังลมในที่สูง ทนต่อแรงอัดกระแทก ช่วยป้องกันการบุกรุกจากการโจรกรรมได้ (ขึ้นอยู่กับสเปคของกระจกและฟิล์ม) อีกทั้งสามารถเคลือบสีได้ตามความต้องการอีกด้วย >*มีข้อควรคำนึงคือ ตัวฟิล์ม PVB มีคุณสมบัติดูดความชื้น หากใช้กระจกนี้ในบริเวณที่มีความชื้นสูง จะทำให้การยึดเกาะระหว่างกระจกและฟิล์มไม่ดี และอาจเกิดการแยกตัวออกจากกันได้ กระจกลามิเนต >ภาพ: กระจกลามิเนต เกิดจากการนำกระจกตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไปมาประกบกันโดยมีแผ่นฟิล์มนิรภัย PVB (Poly Vinyl Butyral) อยู่ระหว่างกลางเพื่อยึดกระจกให้มีความแข็งแรงทนทาน กระจกลามิเนต-แตก >ภาพ: กระจกลามิเนตตอนเมื่อได้รับความเสียหายจนเกิดการแตกจะยังคงรูปเป็นแผ่นดังเดิม >กระจกธรรมดาที่ติดฟิล์มทีหลัง ฟิล์มจะถูกติดที่กระจกฝั่งด้านในบ้าน ซึ่งมีทั้งฟิล์มกรองแสงและฟิล์มนิรภัยให้เลือกใช้ >ฟิล์มกรองแสง จะมีเฉดสีต่าง ๆ มีความทึบแสง โปร่งแสง ค่าการสะท้อนแสงที่หลากหลาย ช่วยลดแสงจ้า ให้ความรู้สึกสบายตา ลดความเครียดของดวงตา ช่วยให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้า ช่วยชะลอความซีดจางของเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน เพิ่มความสวยงามให้กับบ้านหรืออาคารได้อีกด้วย อีกทั้งดูแลรักษาง่าย กันรอยขีดข่วนที่จะเกิดบนผิวกระจก >ฟิล์มนิรภัย เหมาะสำหรับกรณีที่เน้นเรื่องความแข็งแรงปลอดภัยเป็นหลัก ควรเลือกใช้ฟิล์มนิรภัย*จากผู้ผลิตฟิล์มที่ได้มาตรฐาน (ขึ้นอยู่กับคุณภาพของฟิล์มแต่ละยี่ห้อด้วย) เพราะจะช่วยลดการแตกกระจายของเศษกระจก และลดโอกาสการถูกโจรกรรมได้ (ฟิล์มกันร้อนก็ช่วยทำให้เศษกระจกเกาะตัวกันได้ประมาณหนึ่ง แต่ไม่มากเท่ากับฟิล์มนิรภัย) > ติดฟิล์มกันร้อน ฟิล์มนิรภัย บ้าน อาคาร คอนโด คลิก\{.button .newtab} {.centered} > กระจกใสธรรมดา >ภาพ: กระจกธรรมดา มีความหนาให้เลือกหลากหลาย กระจกใสธรรมดา-ติดฟิล์ม >ภาพ: กระจกธรรมดาตามอาคารบ้านเรือน มาติดฟิล์มทีหลัง >ทั้งนี้ ฟิล์มนิรภัยก็มีคุณสมบัติเรื่องการลดความร้อนด้วยเช่นกัน โดยช่วยลดความร้อนจากแสงแดดได้สูงถึง 79% (ขึ้นอยู่กับฟิล์มแต่ละรุ่น) ป้องกันรังสียูวีได้มากกว่า 99% และยังสามารถเลือกได้หลายสีหลายชนิดตามความต้องการ >*ฟิล์มนิรภัยที่มีคุณภาพจะต้องหนาตั้งแต่ 4 มิล. (mil) หรือ 100 ไมครอนขึ้นไป และฟิล์มนิรภัยไม่สามารถป้องกันการแตกของกระจกได้ ตัวอย่างฟิล์มกรองแสงลามิน่า >ภาพ: ตัวอย่างฟิล์มกรองแสงของลามิน่า เป็นฟิล์มที่มี “ชั้นกาวพิเศษ (Mounting Adhesive)” ที่ยึดโพลีเอสเตอร์และอณูกระจกไว้ด้วยกัน, “ชั้นแผ่นฟิล์มโพลีเอสเตอร์คุณภาพเยี่ยม (ชั้นที่ 1)” เคลือบโลหะและ UV Absorbent ช่วยลดความร้อนจากแสงแดดได้เกือบ 80% ป้องกันรังสียูวีมากกว่า 99%, “ชั้นกาว (Laminating Adhesive)” ช่วยยึดแผ่นฟิล์มโพลีเอสเตอร์ชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ไว้ด้วยกัน, “ชั้นแผ่นฟิล์มโพลีเอสเตอร์คุณภาพเยี่ยม (ชั้นที่ 2)” ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดความร้อน มีความเหนียวทนทาน, “ชั้นสารกันรอยขูดขีดชนิดผลึกคริสตัลโปร่งใสพิเศษ” ป้องกันไม่ให้ฟิล์มเป็นรอยขูดขีด ฟิล์มนิรภัยลามิน่า >ภาพ: ตัวอย่างฟิล์มนิรภัยของลามิน่า ซึ่งเป็นฟิล์มที่ผ่านขั้นตอนการผลิตแบบเดียวกันกับฟิล์มกรองแสงติดอาคารทั่วไป มีความแตกต่างตรงการเพิ่มชั้นโพลีเอสเตอร์ และปริมาณกาวชนิดพิเศษที่มี คุณสมบัติในการยึดติดอย่างเหนียวแน่นให้มีมากกว่าชั้นฟิล์มทั่วไป การเพิ่มชั้นโพลีเอสเตอร์ และปริมาณกาวจะมากกว่าในปริมาณเท่าใด ขึ้นอยู่กับระดับความแข็งแรงทนทานที่ต้องการ การติดตั้งฟิล์มนิรภัยที่กระจกธรรมดาจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความแข็งแรงในการลดแรงกระแทกจากวัตถุภายนอกได้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ การระเบิด แผ่นดินไหว พายุ ฯลฯ กระจกติดฟิล์มนิรภัย >ภาพ: กระจกติดฟิล์มนิรภัย เมื่อถูกของกระแทกจะยังคงรูปเป็นแผ่นดังเดิมเช่นเดียวกัน >โดยรวมแล้ว อาจสรุปข้อมูลสำหรับการเลือกใช้ระหว่างกระจกลามิเนต และกระจกธรรมดาที่ติดฟิล์ม ได้ดังนี้ >รูปแบบบ้าน หากเป็นบ้านที่กำลังสร้าง หรือบ้านเดิมที่กำลังจะรื้อเปลี่ยนประตูหน้าต่างใหม่ สามารถเลือกได้เลยว่าจะใช้กระจกแบบไหน แต่หากเป็นบ้านที่ยังไม่ต้องการรื้อเปลี่ยนประตูหน้าต่างใหม่ หรือคอนโดมิเนียมที่ไม่สามารถแก้ไขชุดประตูหน้าต่างได้ ควรเลือกติดฟิล์มที่กระจกเดิม >งบประมาณ จะขึ้นอยู่กับความหนากระจกที่เลือกใช้ สำหรับความหนากระจกที่นิยมใช้ในบ้านพักอาศัยนั้น ราคากระจกลามิเนตจะสูงกว่ากระจกธรรมดา โดยค่าฟิล์มพร้อมติดตั้งสำหรับฟิล์มกรองแสงจะเริ่มต้นที่ 135 บาทต่อตารางฟุต ฟิล์มนิรภัยจะเริ่มต้นที่ 150 บาทต่อตารางฟุต >การดูแลรักษา ในด้านนี้จะพิจารณากันที่ฟิล์มซึ่งเป็นตัวเพิ่มคุณสมบัติให้กับกระจกเป็นหลัก อายุการใช้งานของฟิล์มมักขึ้นอยู่กับคุณภาพของเนื้อฟิล์มที่ใช้และกาวประสาน กระจกลามิเนตหากใช้งานผิดประเภทอาจมีการเสื่อมสภาพของฟิล์ม จะไม่สามารถแก้ไขได้ ต้องรื้อเปลี่ยนทั้งกระจกซึ่งยุ่งยากพอสมควร โดยอายุการใช้งานจะอยู่ที่ประมาณ 10 ปี (กรณีที่มีการใช้งานถูกประเภท) ส่วนการติดฟิล์มในภายหลัง หากฟิล์มเสื่อมสภาพ หรือเสียหาย หลุดลอก สามารถรื้อเปลี่ยนใหม่ได้ โดยมีอายุการใช้งานเฉลี่ยที่ 12-13 ปี และยังมีการรับประกันตามเงื่อนไขของบริษัทผู้ติดตั้งอีกด้วย >ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ น่าจะพอเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ ว่าจะเลือกกระจกแบบไหนให้ตอบโจทย์และเหมาะกับบ้านเรามากที่สุดนะคะ >ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล: >https://www.laminafilms.com >https://www.wazzadu.com/article/2201 >https://www.smg-con.co.th/product-detail.php?id=1 >https://krajok.com/lami >https://www.smg-con.co.th/product-detail.php?id=1 >https://white-glass.com/laminated-glass-กระจกลามิเนต > ติดฟิล์มกันร้อน ฟิล์มนิรภัย บ้าน อาคาร คอนโด คลิก\{.button .newtab} {.centered}
ความแตกต่างของพื้นหล่อในที่กับพื้นสำเร็จรูป >เรื่องพื้นๆ ที่หลายคนยังสงสัยว่า “พื้นหล่อในที่” กับ “พื้นสำเร็จรูป” ต่างกันอย่างไร เพราะมองด้วยตาและลองเดินดูแล้วก็เหมือนกัน จริงแล้วพื้นทั้ง 2 ชนิดเป็นพื้นปูนเหมือนกัน มีความแตกต่างกันที่วิธีการติดตั้งและความเหมาะสมของพื้นที่ใช้งาน >. >## พื้นหล่อในที่ >หรือพื้นคอนกรีตหล่อในที่ เป็นพื้นที่ใช้คอนกรีตมาเทหน้างาน เหมาะกับบริเวณพื้นที่เสี่ยงต่อการรั่วซึม อาทิ พื้นห้องน้ำ พื้นระเบียง พื้นดาดฟ้า โดยสามารถออกแบบให้ใช้ได้กับทั้งโครงสร้างชนิดที่วางบนคานและวางบนดิน >๐ ชนิดวางบนคาน จะใช้กับโครงสร้างระบบเสาคาน เป็นโครงสร้างที่นิยมใช้งานกับอาคารทั่วไป รับน้ำหนักได้ดี >๐ ชนิดวางบนดิน เป็นการหล่อพื้นลงบนพื้นดินหรือทรายบดอัดแน่นโดยตรง ไม่มีโครงสร้างใต้ดินรองรับ ทั้งนี้ต้องบดอัดดินหรือทรายให้แน่น เพราะคอนกรีตจะแตกร้าวได้หากดินหรือทรายด้านล่างเกิดการยุบตัว จึงควรอยู่อย่างอิสระจากโครงสร้างส่วนอื่นๆ มักเป็นพื้นที่ภายนอกตัวอาคาร เช่น ลานซักล้าง ที่จอดรถ ถนนหน้าบ้าน >สำหรับการทำงานของพื้นหล่อในที่นั้น ก็จะประกอบไปด้วย การผูกเหล็ก ตีไม้แบบ เทคอนกรีต เมื่อเทเสร็จแล้วก็ต้องมีระยะเวลารอปูนเซตตัวรวมถึงอาจต้องมีการบ่มคอนกรีตด้วยเพื่อให้โครงสร้างมีความแข็งแรง ดังนั้นก็จะใช้เวลาดำเนินการที่มากกว่าพื้นสำเร็จรูป >พื้นหล่อในที่ต้องมีการผูกเหล็ก-ตีไม้แบบ >ภาพ: พื้นหล่อในที่ต้องมีการผูกเหล็ก-ตีไม้แบบ-เทคอนกรีต และรอคอนกรีตเซตตัว >พื้นหล่อในที่ชนิดวางบนคาน >ภาพ: พื้นหล่อในที่ชนิดวางบนคานสำหรับเป็นพื้นชั้น 2 >พื้นหล่อในที่ชนิดวางบนดิน >ภาพ: พื้นหล่อในที่ชนิดวางบนดินสำหรับเป็นพื้นที่จอดรถ >. >## พื้นสำเร็จรูป >หรือพื้นคอนกรีตสำเร็จรูป เป็นพื้นสำเร็จรูปจากโรงงาน โดยหล่อคอนกรีตขึ้นเป็นแผ่นและเสริมด้วยลวดอัดแรงกำลังสูง ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแรงทนทาน มีทั้งแบบตัน แบบสามขา (ท้องลอน) และแบบกลวง (Hollow Core) ติดตั้งได้เฉพาะกับโครงสร้างชนิดวางบนคานเท่านั้น จากนั้นวางตะแกรงเหล็ก (Wire Mesh) เสริมด้านบน แล้วเทคอนกรีตทับหน้า (Topping) ประมาณ 5 ซม จึงช่วยประหยัดเวลาในการก่อสร้าง เพราะไม่ต้องทำไม้แบบและผูกเหล็ก แต่ไม่ควรใช้ในพื้นที่ภายนอกบ้าน และพื้นที่เปียก เช่น ระเบียง ห้องน้ำ เนื่องจากมีรอยต่อระหว่างแผ่นพื้นมาก เสี่ยงต่อการรั่วซึมได้ >พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปแบบตัน >ภาพ: พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปแบบตัน >พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปแบบกลวง >ภาพ: พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปแบบกลวง (Hollow Core) >พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปติดตั้งวางบนคาน >ภาพ: พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปติดตั้งวางบนคาน >. >“พื้นหล่อในที่” กับ “พื้นสำเร็จรูป” เป็นพื้นคอนกรีตเหมือนกัน แต่มีวิธีการติดตั้งและความเหมาะสมของพื้นที่ใช้งานต่างกัน ทั้งนี้วิศวกรจะเป็นผู้เลือกระบบพื้นและคำนวนขนาดที่เหมาะสมกับงบประมาณและการออกแบบพื้นที่ใช้สอย >. >สนใจ แผ่นพื้นสำเร็จรูป คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >สนใจ บริการปรับพื้นคอนกรีต คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >อ่านเพิ่มเติม: คอนกรีตผสมเสร็จ 1 คิว เทพื้นได้กี่ตารางเมตร? >อ่านเพิ่มเติม: พื้นโรงรถทรุดแตกร้าวอย่าตกใจ ปรับปรุงใหม่ได้ให้ดูดี
ทำไมใคร ๆ จึงกลายเป็นทาสแมว.. ทั้งที่แมวเป็นสัตว์ที่รักสันโดษและเป็นตัวของตัวเองสูงมาก เดาใจยากสุด ๆ แต่ถึงอย่างนั้น..พฤติกรรมสุดแปลกของแมวก็ทำให้มนุษย์อย่างเรากลายเป็นทาสอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว เพราะวันดีคืนดีเจ้าเหมียวตัวแสบอยากจะมาอ้อนคลอเคลียพันแข้งพันขา ร้องเรียกหาเมี๊ยว ๆ บ้างก็ใช้อุ้งเท้านิ่ม ๆ นวดให้เรา หรือการที่น้องแสดงท่าไม้ตายที่ใครเห็นต้องตกหลุมรักคือ เดินมานอนหงายโชว์พุงทำตาปริบ ๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ.. >และอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คนเริ่มอยากรับน้องแมวเลี้ยงคือแมวยังเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างเลี้ยงง่าย ไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะ ส่วนใหญ่ไม่ส่งเสียงรบกวน หากอาศัยอยู่ในคอนโดก็สามารถเลี้ยงได้เช่นกัน เพราะชีวิตประจำวันส่วนใหญ่หมดไปกับการนอน.. แต่ใช่ว่าจะรับน้องมาเลี้ยงง่าย ๆ โดยไม่ใส่ใจ เพราะแมวต้องการความรักและการดูแลเอาใจใส่เช่นกัน ดังนั้นมาเตรียมความพร้อมและซื้อของจำเป็นสำหรับแมวเพื่ออำนวยความสะดวกให้ทั้งเราและแมวก่อนรับน้องมาเลี้ยงกัน.. >## สิ่งของจำเป็นที่ต้องมีก่อนรับแมวมาเลี้ยง >1. พื้นที่นอนพักผ่อนส่วนตัว >- เบาะนอนแมว:\{.newtab} เหมาะกับแมวที่ชอบนอนพักผ่อนเรียบง่าย ไม่ชอบปีนป่าย ควรเลือกเบาะนอนที่นุ่มสบายและอบอุ่น อาจจะมีผ้าผืนเล็กให้น้องได้ซุกตัว >ข้อดีของเบาะนอนแมว >- พกพาและเคลื่อนย้ายง่าย สามารถย้ายไปวางในที่ต่าง ๆ ของบ้านได้ตามสะดวก >- ราคาไม่สูงและดูแลรักษาง่าย เพียงซักทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ >- เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด เบาะนอนแมว ที่นอนแมว เบาะนอนสำหรับสัตว์เลี้ยง >ภาพ: ที่นอนหรือเบาะนอนสำหรับแมวนุ่มสบายอบอุ่น >สนใจ เบาะนอน เตียงนอนสัตว์เลี้ยง คลิก\{.button .newtab} {.centered} >- คอนโดแมว: เหมาะกับแมวที่กระตือรือร้น ชอบปีนป่าย แน่นอนว่าแมวมีนิสัยนักล่าจึงต้องระวังตัวเป็นพิเศษ แมวเลยชอบนอนที่สูง ๆ เพื่อคอยสังเกตศัตรูไม่ให้เข้ามาทำร้ายได้ขณะหลับ ที่สำคัญคอนโดแมวมักมาพร้อมกับที่ลับเล็บในตัว ฟังก์ชันคอนโดจึงครบตอบโจทย์สำหรับแมวเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีพื้นที่ในบ้านพอสมควร >ข้อดีคอนโดแมว >- คอนโดแมวมักจะออกแบบที่นอน หลุมหลบภัย การเดินขึ้นลง ที่ลับเล็บ หรือเชือกของเล่นมาด้วย ทำให้ช่วยกระตุ้นการออกกำลังกายและลดความเบื่อของแมวได้ >- ทำให้แมวมีพื้นที่ส่วนตัวและลดการข่วนเฟอร์นิเจอร์ >- เป็นพื้นที่รวมทุกฟังก์ชัน ทั้งที่ปีน ที่นอน และที่เล่นในตัวเดียว คอนโดแมว บ้านแมว ที่นอนแมว >ภาพ: คอนโดแมวที่นอน ที่ปีนป่าย และสามารถลับเล็บได้ >- บ้านแมว:\{.newtab} เหมาะกับแมวที่ต้องการความสงบหรือความเป็นส่วนตัวมาก ๆ แมวบางตัวขี้ตกใจและขี้หงุดหงิดไม่ได้เป็นมิตรกับคนนอกที่ยังไม่คุ้นชิน จึงจำเป็นต้องมีบ้านแมวเพื่อให้เค้ารู้สึกมีพื้นที่ปลอดภัยของตัวเองนอกจากนี้บ้านแมวยังเหมาะกับบ้านที่เลี้ยงแมวหลายตัวและต้องการติดแอร์หรือพัดลมให้น้อง ๆ ได้นอนสบายและเล่นกันในพื้นที่ส่วนตัว แต่ทั้งนี้เราจำเป็นต้องมีพื้นที่ที่มากพอเพื่อรองรับบ้านแมวด้วย >ข้อดีบ้านแมว >- เป็นสัดส่วน เหมาะกับบ้านที่เลี้ยงแมวหลายตัว >- ทำให้แมวมีพื้นที่ส่วนตัวและลดการข่วนเฟอร์นิเจอร์ >- เป็นพื้นที่รวมทุกฟังก์ชัน ทั้งที่ปีน ที่นอน และที่เล่นในตัวเดียวคล้ายกับคอนโดแมว >- ติดแอร์ พัดลม หรือกล้องวงจรปิดไว้ดูน้องได้ >สนใจ บ้านแมว คลิก\{.button .newtab} {.centered} บ้านแมว ที่นอนแมว ห้องนอนแมว คอนดดแมว >ภาพ: บ้านแมวเพิ่มพื้นที่ส่วนตัว กิน นอน เล่น ในเขตของตัวเองได้เต็มที่ >2. พื้นที่ปลดทุกข์ >โดยปกติแล้วธรรมชาติของแมว หลังขับถ่ายจะมีนิสัยฝังกลบของเสียตัวเอง เพื่อกลบกลิ่นไม่ให้ศัตรูหรือนักล่าตามรอยเจอ ซึ่งหากเรานำแมวเด็กมาเลี้ยง แน่นอนว่าน้องจะยังไม่รู้เรื่องว่าต้องขับถ่ายตรงไหน หากไม่ฝึกเป็นนิสัยน้องอาจจะปัสสาวะบนกองผ้าได้ แนะนำให้ลองอุ้มแมววางในกระบะทรายหรือห้องน้ำแมวหลังมื้ออาหาร เพื่อให้แมวรู้ว่าที่นี่คือที่สำหรับขับถ่าย และที่สำคัญแมวเป็นสัตว์รักความสะอาดมาก หากในกระบะทรายมีกองอุจจาระมากมาย น้องก็จะไม่ยอมไปขับถ่ายที่เดิม.. แนะนำว่าควรทำความสะอาดทรายที่สกปรกแล้วไปทิ้งทุกครั้งหรือเปลี่ยนทรายอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง >- กระบะทราย: ควรเลือกกระบะทรายที่มีขนาดพอดีกับตัวแมว ขนาดไม่เล็กจนเกินไปเพื่อให้น้องได้มีพื้นที่ในการกลบอุจจาระและปัสสาวะ และสามารถเดินเข้าออกได้ง่ายไม่ลำบาก กระบะทรายควรวางในที่ที่มีความเป็นส่วนตัวและไม่ถูกรบกวน กระบะทราย กระบะทรายแมว >ภาพ: แมวปัสสาวะในกระบะทรายใช้งานง่าย สะดวก ราคาไม่แพง >- ห้องน้ำแมว:\{.newtab} ห้องน้ำแมวมีให้เลือกทั้งแบบอัตโนมัติและกึ่งอัตโนมัติ ซึ่งห้องน้ำแมวอัตโนมัติส่วนใหญ่มีระบบที่ช่วยทำความสะอาดตัวเองหลังจากที่แมวใช้เสร็จ เช่น ช่วยกรองก้อนอุจจาระและปัสสาวะเข้าไปในถังขยะส่วนที่แยกออก ทำให้เราสามารถเก็บทิ้งได้ง่าย ช่วยประหยัดเวลาในการดูแลเพราะไม่ต้องทำความสะอาดบ่อย ๆ และยังลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดี เพราะมีฝาปิดและถังขยะแยก บางรุ่นยังออกแบบระบบแจ้งเตือนหรือสามารถสั่งงานผ่านแอปพลิเคชันได้อีกด้วย >สนใจ ห้องน้ำแมว คลิก\{.button .newtab} {.centered} ห้องน้ำแมว >ภาพ: ห้องน้ำแมวมาพร้อมฝาปิดช่วยกลบกลิ่นไม่พึงประสงค์จากการขับถ่ายของแมว >- ทรายแมวที่เหมาะสม: ควรเลือกทรายแมวที่น้องชอบซึ่งอาจจะต้องลองเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เพื่อดูปฏิกิริยาของน้อง เพราะทรายแมวบางประเภทก็อาจจะทำให้น้องไม่กล้าเข้าไปทำธุระได้เหมือนกัน ทั้งนี้เราสามารถเลือกทรายแมวแบบจับตัวเป็นก้อน เพื่อความสะดวกในการทิ้งและทำความสะอาด หรืออีกหนึ่งทางเลือกคือการใช้ทรายแมวจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ทรายแมวจากข้าวโพด ข้าวสาลี เปลือกมะพร้าว ไม้สน หรือกระดาษรีไซเคิล ซึ่งสามารถย่อยสลายได้ง่ายและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างยั่งยืน ช่วยลดขยะและส่งผลดีต่อธรรมชาติมากกว่า >3. อุปกรณ์ให้อาหารและน้ำ >- ชามข้าว ชามน้ำแยกส่วนตัว: หากเลี้ยงแมวหลายตัวควรแยกชามข้าวชามน้ำเพื่อป้องกันโรคติดต่อของน้อง นอกจากนี้แมวแต่ละตัวยังชอบอาหารไม่เหมือนกันอีกด้วย หากแยกอาจจะทำให้น้องเจริญอาหารมากกว่า >- เครื่องให้อาหารอัตโนมัติ: เหมาะกับเจ้าของบ้านที่ไม่ได้อยู่บ้านตลอดเวลา เมื่ออาหารหมดเครื่องจะทำงานเพื่อเทอาหารอัตโนมัติ สามารถตั้งเวลาและปริมาณอาหารล่วงหน้าได้ ทำให้แมวได้รับอาหารตรงเวลาทุกมื้อและในปริมาณที่พอเหมาะ ช่วยลดโอกาสที่แมวจะกินเกินความต้องการ ชามข้าวอัตโนมัติ เครื่องให้อาหารอัตโนมัติ ชามข้าวแมว >ภาพ: เครื่องให้อาหารอัตโนมัติช่วยเติมข้าวให้ระหว่างวันเมื่อเราไม่อยู่ >- น้ำพุแมว: โดยธรรมชาติของแมวมักจะสนใจน้ำที่ไหลมากกว่าน้ำนิ่ง น้องจะรู้สึกว่าน้ำไหลมันสะอาดและปลอดภัยกว่าน้ำนิ่งที่อาจมีการปนเปื้อน น้ำพุแมวจึงช่วยกระตุ้นให้แมวดื่มน้ำมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพ เช่น โรคไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ และโรคทางเดินปัสสาวะอื่น ๆ ที่มักเกิดกับแมวที่ขาดน้ำ >สนใจ อุปกรณ์ให้อาหารสัตว์เลี้ยง คลิก\{.button .newtab} {.centered} น้ำพุแมว ชามน้ำแมว >ภาพ: น้ำพุแมวช่วยกระตุ้นให้แมวดื่มน้ำมากขึ้น >สนใจ น้ำพุแมว คลิก\{.button .newtab} {.centered} >4. อุปกรณ์คลายเครียด >- ของเล่น: แมวเป็นสัตว์ที่มีประสาทสัมผัสที่ไวมาก ดังนั้นของเล่นที่ทำให้น้องเพลิดเพลินและสามารถกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของน้องได้ คือ ของเล่นเลเซอร์ ของเล่นที่วิ่งได้ หรือของเล่นที่มีเสียงกระดิ่ง ฯลฯ เมื่อน้องได้เล่นจะช่วยกระตุ้นการสัญชาตญาณนักล่าของแมวออกมาได้ทำให้น้องสนุกและได้ออกกำลังกายอีกด้วย ของเล่นแมว ทาสแมว >ภาพ: ของเล่นแมวช่วยคลายเครียดและช่วยให้แมวได้ออกกำลังกาย >- แปรงขนแมว: การใช้แปรงขนแมว ช่วยให้แมวรู้สึกผ่อนคลายและสามารถช่วยให้ขนของน้องเรียบเนียนขึ้น >- ที่ลับเล็บ: การข่วนที่ลับเล็บช่วยให้แมวได้ระบายพลังงานและลดความเครียด และที่สำคัญช่วยลดการทำลายเฟอร์นิเจอร์และของใช้ภายในบ้าน เช่น โซฟา ที่ลับเล็บแมว ที่ลับเล็บ >ภาพ: ที่ลับเล็บช่วยให้แมวได้ระบายพลังงาน ลดความเครียด และช่วยลดการข่วนโซฟา >5. อุปกรณ์ทำความสะอาดแมว >- ฝักบัวอาบน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยง: แมวเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบน้ำ ดังนั้นหากบ้านที่ชอบอาบน้ำให้น้องเองต้องระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้น้องตกใจกับการไหลแรง ๆ ของน้ำ ควรเลือกใช้ฝักบัวอาบน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เพราะมีรูปทรงและออกแบบการไหลของน้ำรูปแบบต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ทั้งยังสามารถใช้หัวแปรง แปรงขนน้องได้อย่างนุ่มนวล ฝักบัวอาบน้ำแมว ฝักบัวอาบน้ำสัตว์เลี้ยง ฝักบัวสำหรับสัตว์ >ภาพ: ฝักบัวอาบน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยงสามารถแปรงขนน้องได้อย่างนุ่มนวล >สนใจ ฝักบัวอาบน้ำสัตว์เลี้ยง คลิก\{.button .newtab} {.centered} >- ไดร์เป่าขน/ตู้เป่าขนแมว: หลังอาบน้ำให้น้องเสร็จควรรีบเป่าให้น้องแห้งไวที่สุด ลดการเกิดเชื้อราแมว อีกทั้งยังช่วยให้ขนแห้งเร็วอีกด้วย ซึ่งสามารถใช้ไดร์เป่าขนหรือตู้เป่าขนแมวเพื่อความสะดวกยิ่งขึ้น >สนใจ อุปกรณ์ตกแต่งทำความสะอาด คลิก\{.button .newtab} {.centered} ตู้เป่าขนแมว ไดร์เป่าขนแมว >ภาพ: ตู้เป่าขนแมวช่วยให้ขนแห้งเร็วและขนไม่ฟุ้งกระจายในบ้าน >- รถเข็นหรือกระเป๋าสัตว์เลี้ยง: จำเป็นอย่างยิ่งเมื่อต้องการพาน้องออกไปนอกบ้านรวมถึงไปหาหมอเพื่อรับวัคซีน การมีรถเข็นหรือกระเป๋าสัตว์เลี้ยงจะช่วยลดความตื่นกลัวให้น้องได้ ควรเลือกรถเข็นหรือกระเป๋าสัตว์เลี้ยงให้เหมาะกับขนาดตัวของน้องและไม่ควรให้นั่งรวมกันมากเกินไปเพราะอาจจะทำให้น้องนั่งไม่สบายและรู้สึกอึดอัด >สนใจ รถเข็นสัตว์เลี้ยง คลิก\{.button .newtab} {.centered} รถเข็นแมว รถเข็น >ภาพ: เจ้าของพาแมวออกมาเดินเล่นโดยให้แมวนั่งรถเข็น >จากที่กล่าวไปข้างต้นสิ่งของจำเป็นที่ต้องมีก่อนรับน้องมาเลี้ยงเป็นเพียงปัจจัยภายนอกเท่านั้น หากมีกำลังทรัพย์ที่มากพอก็สามารถเลี้ยงน้องให้อยู่สบาย ๆ ได้ แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้และต้องคำนึงเป็นอย่างมากเลย คือ การมีความรับผิดชอบที่สูงมาก เพราะต้องคอยเก็บทำความสะอาดอุจจาระปัสสาวะน้อง ต้องคอยพาไปฉีดวัคซีนให้ครบลดการเกิดโรค ต้องมีเวลาเล่นกับน้องบ้าง ต้องหาอาหารที่มีประโยชน์และคอยสังเกตสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับแมวของเราด้วย ฯลฯ ที่สำคัญคือการให้เวลาและความรักจะช่วยให้แมวมีชีวิตที่มีความสุข และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าของได้อย่างยาวนาน >สนใจ สินค้าเพื่อสัตว์เลี้ยง คลิก\{.button .newtab} {.centered}
งานออกแบบบ้านสไตล์นอร์ดิกให้เหมาะสมกับประเทศเราที่มีสภาพอากาศร้อนชื้น แดดจัด ฝนแรงตกหนักยาวนานหลายเดือน เพื่อช่วยลดร้อนในบ้านและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดน้ำฝนรั่วซึม >บ้านสไตล์นอร์ดิกที่เรียงรายกันอยู่ 8 หลัง มีวิวภูเขาโอบล้อม อากาศดีตลอดทั้งปี ที่สำคัญคือสงบเหมาะกับการพักผ่อนและเดินทางได้สะดวกเพราะอยู่ใกล้เมืองปากช่อง โครงการนี้เริ่มทำในช่วงโควิดด้วยเจ้าของโครงการเล็งเห็นว่าคนไทยหันมาเที่ยวในประเทศกันมากขึ้นจึงมีแนวคิดในการทำบ้านพักตากอากาศเน้นการอยู่อาศัยแบบครอบครัวที่มีพื้นที่ส่วนตัวในการทำกิจกรรมร่วมกันทั้งสวนและสระว่ายน้ำ โดยแต่ละหลังมีเนื้อที่ดินประมาณ 100 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 220 ตร.ม. >สถาปนิกสำรวจพื้นที่ย่านปากช่องเพื่อดูสถานที่โรงแรมที่พักต่างๆ เพราะต้องการความแตกต่าง ดีไซน์ไม่ซ้ำใครแต่มีความเหมาะสมกับบริบทโดยรอบ จึงเลือกบ้านสไตล์นอร์ดิกด้วยความโดดเด่นของหลังคาจั่วทรงสูงไม่มีชายคาทำให้บ้านดูทันสมัยเส้นสายน้อย และช่องแสงขนาดใหญ่เพื่อเปิดรับแสงและวิวธรรมชาติได้มาก >บ้านนอร์ดิกวิวภูเขาโอบล้อม >ภาพ: บ้านนอร์ดิกวิวภูเขาโอบล้อม >. >## แนวคิดในการออกแบบ >สถาปนิกจับจุดเด่นของบ้านสไตล์นอร์ดิกมาใช้เพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับอาคารอย่างหลังคาจั่วทรงสูง และช่องเปิดกระจกขนาดใหญ่ที่ผนังด้านทรงจั่วเพื่อรับแสงและวิวธรรมชาติ ส่วนผนังด้านข้างอาคารในทิศตะวันตกเฉียงใต้มีการเจาะช่องเปิดเล็กน้อยป้องกันแสงแดดส่องเข้ามาในบ้านโดยตรง แต่ยังสามารถระบายความร้อนและเพิ่มแสงภายในบ้านได้ รูปแบบของสถาปัตยกรรมจะใช้เส้นสายที่น้อย มีความมินิมอล เรียบง่ายไม่ซับซ้อน ไม่ปรุงแต่งเยอะ เน้นความสำคัญของสถาปัตยกรรมและพื้นที่ที่ดูสบายตา และผ่อนคลาย >สำหรับการใช้งานพื้นที่ แบ่งเป็น ห้องนอน 3 ห้อง ห้องน้ำ 4 ห้อง และพื้นที่พักผ่อนที่ถูกออกแบบเป็น Open Plan ให้ทำกิจกรรมภายในบ้านอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ครัว โต๊ะอาหาร และพื้นที่นั่งเล่น เชื่อมต่อกับพื้นที่ภายนอกที่เป็นสระว่ายน้ำและสวน >หลังคาจั่วทรงสูง >ภาพ: เอกลักษณ์ของบ้านนอร์ดิกที่ใช้หลังคาจั่วทรงสูง ช่องเปิดกระจกขนาดใหญ่ ดีไซน์เรียบง่ายเส้นสายน้อย >การเลือกใช้วัสดุและสีที่เข้ากับบริบทโดยรอบ >ภาพ: การเลือกใช้วัสดุและสีที่เข้ากับบริบทโดยรอบ >พื้นที่พักผ่อนที่ถูกออกแบบเป็น Open Plan >ภาพ: พื้นที่พักผ่อนที่ถูกออกแบบเป็น Open Plan ต่อเนื่องครัว โต๊ะอาหาร และพื้นที่นั่งเล่น >พื้นที่พักผ่อนเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำและสวน >ภาพ: พื้นที่พักผ่อนเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำและสวน >. >## การออกแบบเพื่อลดร้อนและน้ำฝนรั่วซึม >ด้วยการออกแบบบ้านสไตล์นอร์ดิกที่มีอัตลักษณ์ชัดเจนคือหลังคาทรงสูงไม่มีชายคา ทำให้เสี่ยงเรื่องฝนรั่วฝนซึม หรือฝนสาดเข้าหน้าต่างได้สถาปนิกจึงดีไซน์หน้าจั่วที่ยื่นหลังคาออกไปเสมือนเป็นชายคาช่วยกันแดดกันฝนที่จะมาปะทะหน้าต่างบานใหญ่โดยตรง และกำหนดความลาดเอียงของหลังคามากกว่า 40 องศา เพื่อให้น้ำฝนไหลลงเร็วไม่ค้างอยู่ที่ขอบจนทำให้ผนังเป็นรอย >การลดร้อนให้บ้าน ด้วยความที่บ้านสไตล์นี้จะมีช่องเปิดที่ผนังด้านหลังคาจั่วขนาดใหญ่ 2 ด้าน ซึ่งรับแสงแดดค่อนข้างมากและอาจทำให้การถ่ายเทอากาศหรือความร้อนไม่เพียงพอเท่าที่ควร จึงจำเป็นต้องเจาะช่องเปิดที่ผนังอาคารด้านข้างด้วย แต่ด้วยความที่ไม่มีชายคาจึงอาจสุ่มเสี่ยงน้ำฝนไหลรั่วซึมที่ขอบหน้าต่างได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นหน้าต่างบานเลื่อน ดังนั้น นอกจากการดูรายละเอียดของวัสดุ ขอบรางเลื่อน การระบายน้ำที่ขอบราง ซีลยางต่าง ๆ แล้ว ในการติดตั้งหน้าต่างจะเลือกวางตำแหน่งให้ชิดขอบผนังด้านในบ้านเพื่อให้มีขอบผนังด้านนอกที่หนากว่า ช่วยดักน้ำฝนที่ไหลมาจากผนังก่อนเข้าหน้าต่างโดยตรง ส่วนหน้าต่างที่เสมอพอดีกับผนังด้านนอกจะทำบัวผนังเพิ่มเป็นกรอบรอบหน้าต่างแทน >อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับการระบายความร้อนในบ้านคือ การออกแบบให้ตำแหน่งกลางบ้านเป็น Double Space แล้วมีช่องเปิดขนาดใหญ่ที่ชั้นล่าง (ซึ่งตำแหน่งนี้เป็นพื้นที่นั่งเล่นที่เปิดประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่รับลมชมวิวสระว่ายน้ำและสวน) เพื่อดึงเอาลมจากภายนอกดันความร้อนภายในบ้านขึ้นสู่ด้านบน แล้วระบายออกที่ช่องเปิดหน้าต่างชั้นบน อากาศจะหมุนเวียนถ่ายเทตลอดช่วยลดร้อนให้บ้านได้ >การยื่นหลังคาที่หน้าจั่ว >ภาพ: การยื่นหลังคาที่หน้าจั่ว และการลดความเสี่ยงจากน้ำฝนรั่วซึมที่หน้าต่างด้วยการวางหน้าต่างชิดด้านในหรือติดตั้งบัวเพิ่มเติม >Double Space >ภาพ: การออกแบบให้ตำแหน่งกลางบ้านเป็น Double Space >. >## การเลือกใช้วัสดุและการตกแต่ง >หลังคาบ้านหลักเลือกใช้หลังคาชิงเกิ้ล เพราะเข้ากับสไตล์ของบ้าน ส่วนหลังคาที่จอดรถเลือกใช้หลังคาเมทัลรูฟ เพราะเป็นระบบหลังคาแบบ Snap Lock ป้องกันการรั่วซึม >วัสดุตกแต่งอย่างพื้นและผนังจะเลือกใช้สีเอิร์ธโทนเพราะให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายตา ลวดลายที่เป็นธรรมชาติอย่างหินหรือไม้ โดยพื้นชั้นล่างจะเป็นกระเบื้องลวดลายหิน ส่วนชั้นบนและห้องนอนจะเป็นไม้ SPC ที่มีลวดลายสวยงามและให้สัมผัสนุ่มนวลสบายเท้า ห้องน้ำจะเลือกใช้กระเบื้องลายหินทั้งพื้นและผนัง คลุมโทนสีเทาและเบจ >การติดตั้งผ้าม่านที่หน้าจั่วเลือกใช้ผ้าม่านจับจีบติดถาวรแบบรางคู่ (ม่านทึบ,ม่านโปร่ง) ที่ติดชนชิดถึงด้านบน ข้อดีคือปิดกระจกหน้าจั่วทั้งหมด สวยงามเรียบร้อยไม่หลอกตา ข้อจำกัดคือไม่สามารถเลื่อนเปิดได้ทั้งหมด ต้องใช้วิธีการรวบผ้าม่านไว้ด้านข้างแทน แต่ด้วยความที่เป็นหน้าจั่วจึงเข้ากันไม่ดูขัดเขิน >หลังคาเลือกใช้ชิงเกิ้ล และเมทัลรูฟ >ภาพ: หลังคาเลือกใช้ชิงเกิ้ล และเมทัลรูฟ >เลือกใช้วัสดุตกแต่งลวดลายหินธรรมชาติและใช้สีเอิร์ทโทน >ภาพ: เลือกใช้วัสดุตกแต่งลวดลายหินธรรมชาติและใช้สีเอิร์ทโทน >ติดตั้งม่านจีบตามทรงจั่ว >ภาพ: ติดตั้งม่านจีบตามทรงจั่ว >. >สนใจ หลังคา เมทัลรูฟ เอสซีจี คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >สนใจ ไม้พื้น SCP คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >สนใจ กระเบื้องลวดลายหิน คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >บ้านนอร์ดิกเป็นที่นิยมมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ด้วยความที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เส้นสายน้อยดูเป็นบ้านยุคใหม่ หลังคาจั่วทรงสูงที่ดูน่าจะเหมาะกับบ้านเรา แต่ก็มีกระแสตีกลับว่าใครที่คิดจะทำบ้านสไตล์นี้ให้หลีกหนีไปให้ไกล เพราะมีปัญหาที่พบบ่อยอย่างน้ำรั่ว บ้านร้อน ซึ่งสำหรับสถาปนิกท่านนี้แล้วมองว่างานออกแบบหรือสไตล์บ้านต่างๆ ที่ลูกค้าหรือเจ้าของบ้านชื่นชอบ สามารถทำได้โดยปรับให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศและสภาพภูมิอากาศของบ้านเรา และดีไซน์เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามมา เพียงเท่านี้งานออกแบบบ้านไม่ว่าจะเป็นสไตล์ไหนก็สามารถทำได้ไร้ข้อกังวลและตอบโจทย์แบบที่เจ้าของบ้านต้องการแล้ว >. >ขอขอบคุณ >เจ้าของโครงการ >สถาปนิก: Sombat Sunthoncharu >ภาพถ่าย: DOT LINE FRAME >Design Connext คอมมูนิตี้แหล่งรวมสถาปนิก/นักออกแบบ ที่ช่วยเชื่อมต่อทุกองศาของงานออกแบบ >. >. >อ่านเพิ่มเติม: 4 องค์ประกอบ แปลงโฉมห้องนอนให้สวยสไตล์นอร์ดิก >อ่านเพิ่มเติม: บ้านอิงภู เซฟเฮาส์วิวภูเขา เข้าใจธรรมชาติ ตอบโจทย์การอยู่อาศัยอย่างแท้จริง
รวบรวมข้อแตกต่างของ หน้าต่างอะลูมิเนียม กับ หน้าต่างuPVC ในด้านต่าง ๆ เพื่อช่วยในการพิจารณาเลือกใช้งาน >หน้าต่างอะลูมิเนียมและหน้าต่าง uPVC มีความคล้ายคลึงกันมาก มองผิวเผินอาจจะแยกกันไม่ออก จนต้องมาจับหรือลองเปิด-ปิดดู จึงจะรู้ว่ามีความแตกต่างกันที่น้ำหนักการเปิด-ปิด และอื่นๆ ด้วยเพราะทั้งสองอย่างเป็นวัสดุคนละชนิด จึงทำให้มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน >. >## วัสดุ >๐ อะลูมิเนียม เป็นวัสดุในกลุ่มโลหะที่มีน้ำหนักเบา เหนียว แข็งแรง ทนต่อการกัดกร่อนอายุการใช้งานยาวนาน และไม่เป็นสนิม >๐ uPVC (Unplasticized Polyvinyl Chloride) เป็นพลาสติกที่มีคุณสมบัติเด่นเรื่องความแข็งแรงทนทาน ไม่บิดโก่งตัว ทนต่อสภาพอากาศได้ดี และไม่ลามไฟ >ตัวอย่างหน้าต่าง uPVC >ภาพ: ตัวอย่างหน้าต่าง uPVC >. >## สีสัน >๐ อะลูมิเนียม มีสีให้เลือกหลายเฉด รวมถึงลายไม้หลากสี และมีพื้นผิวให้เลือกตามกระบวนการทำสี ซึ่งมีอยู่ 2 แบบ คือ (1)การชุบสี Anodize เป็นการนำอะลูมิเนียมไปชุบในบ่อเคมีหลายๆ บ่อ จนเกิดสีตามต้องการ ซึ่งสีชุบนั้นมีเฉดสีที่น้อยกว่าสีพ่น สีนิยมผลิต ได้แก่ สีขาว สีชา และสีดำ (2)การพ่นสีฝุ่น Powder Coating สามารถเลือกเฉดสีได้ กำหนดชนิดของผิวที่ต้องการได้ อย่างผิวเรียบ ผิวหยาบ ผิวทราย และยังกำหนดความเงาของสี หรือ Gloss ได้ด้วย >๐ uPVC ส่วนใหญ่เป็นสีขาว เพราะในกระบวนการผลิตมีส่วนผสมของไททาเนียมไดออกไซด์ เพื่อให้ป้องกันรังสี UV และทนทานต่อสารเคมีต่างๆ หากเป็นแบบสั่งผลิตจะมีสีอื่น เช่น ดำ เทา น้ำตาล >สีสันของอะลูมิเนียม และ uPVC >ภาพ: สีสันของอะลูมิเนียม และ uPVC >. >## รูปลักษณ์ >หน้าต่างอะลูมิเนียมมีวงกบและบานกรอบขนาดเล็ก/บางกว่าหน้าต่าง uPVC ทำให้ดูทันสมัย ช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้น >ประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมมีวงกบและบานกรอบขนาดเล็ก/บาง >ภาพ: ประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมมีวงกบและบานกรอบขนาดเล็ก/บาง >หน้าต่าง uPVC มีวงกบและบานกรอบหนา >ภาพ: หน้าต่าง uPVC มีวงกบและบานกรอบหนา >. >## น้ำหนัก >เปรียบเทียบน้ำหนักหน้าต่างอะลูมิเนียม กับ uPVC ที่มีขนาดเท่ากัน หน้าต่างอะลูมิเนียมจะมีน้ำหนักน้อยกว่า ตัวอย่าง หน้าต่างขนาด กว้าง110 x สูง120 ซม. หน้าต่างอะลูมิเนียม หนัก 18.6 ก.ก. ส่วนหน้าต่าง uPVC หนัก 25 ก.ก. ทั้งนี้ อุปกรณ์ประกอบที่ใช้ เช่น ลูกล้อ บานพับ ต้องสัมพันธ์กับน้ำหนักของบานหน้าต่างด้วย เพื่อให้เปิด-ปิดได้ดีและทนทาน >เปรียบเทียบน้ำหนักหน้าต่างอะลูมิเนียม กับ uPVC ที่มีขนาดเท่ากัน >ภาพ: เปรียบเทียบน้ำหนักหน้าต่างอะลูมิเนียม กับ uPVC ที่มีขนาดเท่ากัน >. >## การดูแลรักษา >๐ อะลูมิเนียม ใช้ฟองน้ำเนื้อแน่นนุ่มกับน้ำยาทำความสะอาดอะลูมิเนียม ควรหลีกเลี่ยงน้ำยาทำความสะอาดที่มีสารฟอกขาว หรืออาจใช้น้ำผสมน้ำส้มสายชูเล็กน้อยเช็ดทำความสะอาดก็ได้ >๐ uPVC ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เนื้อนุ่มกับน้ำยาทำความสะอาดพลาสติกหรือไวนิลโดยเฉพาะ ควรหลีกเลี่ยงน้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของ Acetone, Methylene chloride, แอลกอฮอล์ และ ทินเนอร์ หรืออาจใช้น้ำผสมกับน้ำสบู่เล็กน้อยเช็ดทำความสะอาดก็ได้ >ตัวอย่างการเช็ดทำความสะอาดหน้าต่างอะลูมิเนียม >ภาพ: ตัวอย่างการเช็ดทำความสะอาดหน้าต่างอะลูมิเนียม >. >นอกจากความแตกต่างของวัสดุที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว เกรดของวัสดุหรือหน้าต่างของแต่ละแบรนด์ก็มีความแตกต่างกัน เช่น ความหนาของเนื้อวัสดุ ความแข็งแรงทนทานเนื่องจากโครงสร้างภายในวงกบ/บานกรอบ การเปิด-ปิดด้วยอุปกรณ์ประกอบ หากพอมีเวลาในการเลือกซื้อก็ควรไปขอดูตัวอย่างสินค้าจริง เพื่อทดลองใช้งาน เปิด-ปิด เห็นความสวยงามของรอยต่อ อุปกรณ์ประกอบต่างๆ อย่างมือจับ ตัวล็อก >. >สนใจ ประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียม คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >สนใจ ประตู-หน้าต่าง uPVC คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >อ่านเพิ่มเติม: เลือกรูปแบบประตูหน้าต่างให้ตอบโจทย์ >อ่านเพิ่มเติม: กันร้อน สร้างนิรภัยให้บ้าน เลือกกระจกลามิเนต หรือกระจกติดฟิล์มดี?
แนวทางและสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการย้ายห้องน้ำหรือเพิ่มห้องน้ำในบ้านหลังเดิม >ห้องน้ำเป็นพื้นที่ที่ต้องมีการจัดวางตำแหน่งตั้งแต่เริ่มการออกแบบ เพราะมีผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นและงานระบบน้ำดี-น้ำเสีย แต่หากมีความจำเป็นในการเปลี่ยนย้ายตำแหน่งหรือเพิ่มเติม เช่น เพิ่มห้องน้ำไว้ในห้องนอน อาจจะทำได้ยากแต่ก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งต้องพิจารณา 3 เรื่อง ดังนี้ >. >## 1: ตำแหน่งห้องน้ำ >ควรเลือกตำแหน่งห้องน้ำที่สามารถเดินงานระบบประปาและระบายน้ำได้ เช่น ติดกับภายนอกบ้านเพื่อให้ง่ายต่อการเดินท่อน้ำต่างๆ หรือใกล้กับถังบำบัดเพื่อสะดวกในการเดินท่อน้ำโสโครก >เลือกตำแหน่งห้องน้ำที่สามารถเดินงานระบบประปาและระบายน้ำได้ >ภาพ: เลือกตำแหน่งห้องน้ำที่สามารถเดินงานระบบประปาและระบายน้ำได้ >. >## 2: พื้นโครงสร้างเดิม >ตรวจสอบระบบพื้นโครงสร้างเดิมว่าเป็นแบบหล่อในที่หรือเป็นแผ่นพื้นสำเร็จรูป >๐ ระบบพื้นหล่อในที่ สามารถเจาะ (Coring) พื้นเพื่อเดินท่อระบายน้ำลงสู่ด้านล่างได้ แต่ควรแยกส่วนแห้ง ส่วนเปียก และทำระบบกันซึมให้เรียบร้อย >กรณีเพิ่มห้องน้ำที่มีโครงสร้างพื้นเป็นระบบพื้นหล่อในที่ >ภาพ: กรณีเพิ่มห้องน้ำที่มีโครงสร้างพื้นเป็นระบบพื้นหล่อในที่ >. >๐ ระบบพื้นสำเร็จรูป ไม่ควรเจาะพื้น เพราะเหล็กเสริมในพื้นอาจสูญเสียความแข็งแรง การเดินท่อควรใช้วิธีเจาะผนังเท่านั้นโดยทำระบบพื้นโครงเบายกระดับพื้นเพิ่มเติมเพื่อให้เดินระบบท่อระบายน้ำใต้พื้นที่เพิ่มขึ้นได้ ถ้ามีส่วนอาบน้ำต้องเลือกใช้ถาดอาบน้ำหรือตู้อาบน้ำสำเร็จรูปแทนการกั้นพื้นที่ส่วนเปียกตามปกติด้วย >กรณีเพิ่มห้องน้ำที่มีโครงสร้างพื้นเป็นระบบพื้นสำเร็จรูป >ภาพ: กรณีเพิ่มห้องน้ำที่มีโครงสร้างพื้นเป็นระบบพื้นสำเร็จรูป >. >## 3: ผนังห้องน้ำใหม่ >หากต้องการก่อผนังห้องน้ำใหม่ให้ตรวจสอบพื้นว่ามีแนวคานรองรับหรือไม่ ถ้ามีสามารถก่อผนังอิฐได้เลย แต่ถ้าไม่มีต้องเลือกใช้เป็นผนังเบาเพื่อลดน้ำหนักกดทับบริเวณนั้น อาจเป็นซีเมนต์บอร์ดหรือไฟเบอร์ซีเมนต์ก็ได้ โดยผนังทั้งสองแบบควรทำขอบคอนกรีตสูงจากพื้นประมาณ 10 ซม. รอบห้องน้ำใหม่เพื่อกันน้ำ/ความชื้นด้วย แต่หากต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเพิ่มเติมคานบริเวณด้านล่างเพื่อรับน้ำหนักต้องปรึกษาวิศวกรก่อน >ก่อขอบคอนกรีตสูงจากพื้น 10 ซม. >ภาพ: ก่อขอบคอนกรีตสูงจากพื้นประมาณ 10 ซม. รอบห้องน้ำใหม่เพื่อกันน้ำ/ความชื้น >. >ในการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งห้องน้ำไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มหรือย้าย หากไม่กระทบกระเทือนโครงสร้างของบ้านก็สามารถให้ช่างที่เกี่ยวข้องทำได้เลย แต่หากมีการเพิ่มน้ำหนักโดยไม่มีคานรองรับ หรือจำเป็นต้องเจาะพื้นสำเร็จรูปเพื่อเดินท่อน้ำต่างๆ แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือวิศวกรเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย >. >สนใจ พื้นสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >สนใจ ซีเมนต์บอร์ด เอสซีจี คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >อ่านเพิ่มเติม: แผ่นสมาร์ทบอร์ด กับซีเมนต์บอร์ด SCG ต่างกันอย่างไร ใช้อันไหนดี ? >อ่านเพิ่มเติม: 5 เรื่องสำคัญก่อนปรับปรุงห้องน้ำ
การตกแต่งพื้นลายไม้ภายในบ้าน มีวัสดุที่ติดตั้งและดูแลรักษาได้ง่ายกว่าไม้จริง หนึ่งในที่นิยมคือ พื้นไวนิล ซึ่งวันนี้จะมาเล่าสู่กันฟังทั้งรายละเอียด คุณสมบัติ และข้อแตกต่างเมื่อเทียบกับวัสดุปูพื้นลายไม้ในบ้านอื่นๆ อย่างพื้นลามิเนต พื้น SPC พื้นไวนิลคืออะไร > พื้นไวนิล\{.newtab} หรือกระเบื้องไวนิล เป็นวัสดุลายไม้สำหรับแต่งพื้นภายในบ้าน ในกลุ่มของ “กระเบื้องยาง” ที่ทำลวดลาย ผิวสัมผัส และขนาดเลียนแบบพื้นไม้จริงได้อย่างสวยงาม เนื้อวัสดุผลิตจาก PVC ปราศจากส่วนผสมของไม้ จึงดูแลรักษาง่ายกว่าพื้นไม้จริง พื้นไวนิลมีทั้งแบบที่ติดตั้งได้ด้วยกาว และแบบที่เป็นระบบเข้าลิ้นคลิกล็อก (Click Lock) > SingleImage ไม้พื้นไวนิล กระเบื้องยางไวนิล ติดตั้งแบบคลิกล็อก Click Lock ภาพ: การติดตั้งพื้นไวนิลแบบคลิกล็อก > SingleImage พื้นไวนิล กระเบื้องยางไวนิล ติดตั้งแบบทากาว ภาพ: การติดตั้งพื้นไวนิลแบบทากาว > SingleImage ห้องปูพื้นไวนิล กระเบื้องไวนิล กระเบื้องยางไวนิล ภาพ: ตัวอย่างการใช้งานพื้นไวนิล > เลือกซื้อ พื้นลายไม้ในบ้าน ไวนิล ลามิเนต SPC คลิก\{.button .newtab} {.centered} > นอกจากนี้ยังมีพื้นไวนิลอีกประเภทที่เป็น “พื้นลดแรงกระแทก”\{.newtab} มาในรูปแบบม้วนเป็นลวดลายไม้สวยงาม สามารถปูทับพื้นเดิมภายในบ้านได้หลากหลายประเภท (เช่น พื้นกระเบื้องเซรามิก พื้นหินแกรนิต พื้นไม้ พื้นไม้ปาร์เกต์ พื้นไม้ลามิเนต) มีลักษณะพื้นผิวนุ่ม (แต่ไม่ยวบ) ไม่ลื่น เดินสบายเท้า ช่วยลดแรงกระแทกหากพลัดตกหกล้มได้ > SingleImage พื้นไวนิลลดแรงกระแทก Peel & Place ภาพ: ตัวอย่างพื้นไวนิลลดแรงกระแทก Peel & Place สามารถติดตั้งทับพื้นเดิมได้ด้วยระบบสุญญากาศ โดยไม่ต้องใช้กาว > พื้นไวนิลต่างกับพื้นลามิเนตอย่างไร > พื้นลามิเนต\{.newtab} ผลิตจากไม้อัด MDF หรือ HDF พิมพ์ลายไม้เคลือบผิวหน้า มีผิวสัมผัสเรียบ ส่วนผสมที่เป็นไม้ทำให้ลามิเนตทนชื้นได้น้อย ในแง่การใช้งานจึงต้องเลี่ยงพื้นที่ชื้น ไม่เหมาะการปูพื้นชั้นล่างซึ่งมีโอกาสสัมผัสความชื้นจากดินได้ง่าย ต่างกับพื้นไวนิลที่ทำมาจากวัสดุ PVC จึงทนชื้นได้ดีกว่าลามิเนต สามารถปูพื้นชั้นล่างได้ และมีราคาสูงกว่าพื้นลามิเนต ความแตกต่างอีกอย่างคือ พื้นไวนิลทั่วไปจะหนาประมาณ 3 -4 มม. ส่วนพื้นลามิเนตหนาประมาณ 8-12 มม. ดังนั้นระดับพื้นหลังติดตั้งของพื้นไวนิลจะเปลี่ยนแปลงน้อยกว่าลามิเนต ซึ่งอาจมีผลต่อการคำนึงเรื่องการจบรอยต่อที่ชนกับวัสดุปูพื้นข้างเคียง การคำนึงระดับการเปิดปิดประตู เป็นต้น > SingleImage เทียบความหนาพื้นลามิเนตและพื้นไวนิล ภาพ: เปรียบเทียบความหนาของพื้นลามิเนต และพื้นไวนิล > พื้นไวนิลต่างกับพื้น SPC อย่างไร > พื้น SPC\{.newtab} คล้ายกับพื้นไวนิลตรงที่ไม่มีส่วนผสมของไม้ จึงทนความชื้นได้ดีเช่นเดียวกัน สามารถใช้งานในพื้นที่แบบเดียวกันกับพื้นไวนิล เพียงแต่พื้น SPC จะผลิตจากพลาสติกที่มีการผสมผงหินเข้าไปด้วย (ตามชื่อเต็มคือ Stone Plastic Composite) จึงคงรูปได้ดี เมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงจะยืดหดตัวน้อยกว่า เมื่อเทียบกับพื้นไวนิลซึ่งผลิตจากพลาสติก PVC อย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ส่วนผสมของผงหินที่เพิ่มเข้าไป แม้จะทำให้ SPC คงรูปได้มากขึ้น แต่ก็จะมีความเปราะด้วย ดังนั้นในการขนส่งและติดตั้ง จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษไม่ให้แตกหัก พื้น SPC มีความหนาประมาณ 4-5 มม. จึงหนากว่าพื้นไวนิลเล็กน้อย และติดตั้งด้วยระบบคลิกล็อกเท่านั้น > SingleImage ไม้พื้น SPC ติดตั้งแบบคลิกล็อก ภาพ: ตัวอย่างพื้น SPC และการติดตั้ง > เลือกซื้อ พื้นลายไม้ในบ้าน ไวนิล ลามิเนต SPC คลิก\{.button .newtab} {.centered} > จะเห็นได้ว่าพื้นไวนิลมีจุดเด่นด้านความทนทานต่อความชื้นเช่นเดียวกันกับพื้น SPC ทั้งยังดูแลรักษาได้ง่าย สามารถเลือกติดตั้งได้ทั้งแบบคลิกล็อก และแบบทากาว โดยพื้นไวนิลแบบทากาวจะมีข้อดีตรงที่สามารถซ่อมเปลี่ยนเป็นแผ่นได้สะดวก ทั้งนี้แม้พื้นไวนิลจะราคาสูงกว่าพื้นลามิเนต แต่ก็ใช้งานได้หลากหลายกว่า อย่างไรก็ตาม เจ้าของบ้านต้องไม่ลืมว่า ถึงพื้นไวนิลจะผลิตจาก PVC ซึ่งทนความชื้นได้ดี แต่ก็เหมาะกับการปูพื้นภายในที่ไม่ใช่ห้องน้ำเท่านั้น > อ่านเพิ่มเติม: 5 วัสดุปูพื้นลายไม้ เปลี่ยนพื้นในบ้านใหม่ลดความแข็ง-ลื่น คืนความอบอุ่น\{.newtab} > อ่านเพิ่มเติม: ปูพื้นลายไม้ ง่าย สวย เร็ว ด้วยกระเบื้องยางลายไม้ พื้นไม้ไวนิล\{.newtab}