เล่าถึงข้อแตกต่าง ข้อดี ข้อควรคำนึง เมื่อเจ้าของบ้านจะต้องเลือกระหว่างสร้างบ้านใหม่โดยจ้างสถาปนิกและหาผู้รับเหมาเอง กับอีกวิธีคือ สร้างบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้านที่ให้บริการครบวงจร
หากจินตนาการถึงขั้นตอนการสร้างบ้านสักหลัง หลายคนนึกถึงสถาปนิกกับวิศวกรผู้ทำการออกแบบและจัดทำแบบก่อสร้าง ผู้รับเหมาที่ลงมือสร้างบ้านให้เรา รวมถึงผู้ที่จะมาควบคุมงานก่อสร้างแทนเรา เมื่อถึงเวลาที่จะต้องสร้างบ้าน เราจะเลือกเฟ้นหาบุคคลากรเหล่านี้เองทั้งหมด หรือจะใช้อีกวิธีคือสร้างบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้านที่มีแบบบ้านหรือบริการออกแบบ พร้อมบริการก่อสร้างครบวงจรไปเลย แต่ละวิธีมีรายละเอียดปลีกย่อยต่างกันอย่างไร วันนี้ SCG HOME จะมาอธิบายให้เจ้าของบ้านทราบกัน
สร้างบ้านใหม่ จ้างสถาปนิก หาผู้รับเหมา
วิธีนี้เจ้าของบ้านจะเป็นผู้ว่าจ้างสถาปนิก (สถาปนิกอิสระหรือสถาปนิกจากบริษัทออกแบบ) ด้วยตัวเอง โดยสถาปนิกจะสอบถามถึงความต้องการ สไตล์รูปลักษณ์ที่เจ้าของบ้านชื่นชอบ รูปแบบพฤติกรรมการใช้สอยพื้นที่ของสมาชิกในบ้าน วิเคราะห์ทำเลและสภาพภูมิอากาศ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการออกแบบให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างบ้าน (เช่น ความสูงอาคาร ระยะถอนร่น การเว้นที่ว่างรอบอาคาร เป็นต้น) ภาพ: ตัวอย่างแบบบ้านที่สถาปนิกเป็นผู้จัดทำ
ในการจัดทำแบบก่อสร้าง สถาปนิกจะประสานงานกับวิศวกรต่างๆ ทั้งงานโครงสร้าง งานระบบไฟฟ้า ประปา สุขาภิบาล และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมลงนามรับรองแบบเพื่อให้เจ้าของบ้านดำเนินการยื่นขออนุญาตก่อสร้าง ทั้งหมดนี้คือหน้าที่หลักของสถาปนิกโดยทั่วไป แต่บางครั้งเจ้าของบ้านอาจกำหนดขอบเขตงานเพิ่มในสัญญาว่าจ้างสถาปนิก ให้ครอบคลุมถึงการจัดทำ BOQ (เอกสารราคากลางค่าก่อสร้าง) รวมถึงเป็นที่ปรึกษาระหว่างก่อสร้างซึ่งสถาปนิกจะต้องเข้ามาดูงานก่อสร้างเป็นระยะ ภาพ: ในการคุมงานก่อสร้าง เจ้าของบ้านอาจว่าจ้างให้สถาปนิกเป็นคุมงานก่อสร้างด้วย หรือจะจ้างผู้คุมงานก่อสร้างต่างหากก็ได้
ข้อดีของการสร้างบ้านใหม่โดยจ้างสถาปนิกและหาผู้รับเหมาเอง คือ เราจะได้แบบบ้านที่เหมาะสมกับที่ดิน สภาพแวดล้อมสอดคล้องกับทิศทางแดดลม และวิถีชีวิตของสมาชิกในบ้าน มีรูปลักษณ์ตรงตามสไตล์ที่ชื่นชอบ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้เจ้าของบ้านจะต้องเลือกสถาปนิกและวิศวกรด้วยตัวเอง (ควรมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ พร้อมประวัติผลงานดีเพื่อให้ได้งานที่มีมาตรฐาน) ต้องเผื่อเวลาในการออกแบบและจัดทำแบบ ในส่วนของงานก่อสร้างเจ้าของบ้านต้องจัดหาผู้รับเหมาและผู้ควบคุมงานก่อสร้างเอง (สามารถปรึกษาสถาปนิกในการคัดเลือกได้) รวมถึงควรวางแผนควบคุมเรื่องงบประมาณค่าก่อสร้างบ้านให้รัดกุม มิฉะนั้นค่าใช้จ่ายอาจบานปลายได้ง่าย
สนใจ บริการออกแบบบ้านโดยสถาปนิกมืออาชีพ คลิก
สร้างบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้าน
การว่าจ้างบริษัทรับสร้างบ้าน เจ้าของบ้านจะได้รับบริการแบบครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการให้คำปรึกษา จัดทำแบบ และก่อสร้างจนบ้านเสร็จสมบูรณ์ โดยบริษัทรับสร้างบ้านจะมีสถาปนิก วิศวกร และทีมงานก่อสร้างคอยให้บริการครบถ้วน โดยแต่ละบริษัทอาจมีรูปแบบการสร้างเฉพาะตัวต่างจากทั่วไป เช่น ก่อสร้างด้วยระบบโครงสร้างสำเร็จรูปช่วยประหยัดเวลาการก่อสร้างได้มาก การก่อสร้างบ้านระบบโมดูลาร์ที่คล้ายกับนำส่วนประกอบมาต่อกัน การสร้างบ้านระบบ Knock Down ซึ่งสามารถรื้อประกอบใหม่ได้ การสร้างบ้านแนวประหยัดพลังงานด้วยการออกแบบและใช้วัสดุลดความร้อน ภาพ: ตัวอย่างบ้านที่สร้างด้วยระบบ Modular โดย SCG HEIM
ภาพ: บริการติดตั้งบ้านสำเร็จรูป Prompt LIVING POD ที่ใช้ระบบ Knock Down ขนาด 36 ตร.ม. ใช้เวลาสร้างประมาณ 7 วัน
สนใจ บริการออกแบบบ้านโดยสถาปนิกมืออาชีพ คลิก
ทั้งนี้บริษัทรับสร้างบ้านโดยทั่วไปจะมีอยู่ 2 รูปแบบ
- รูปแบบแรก ทางบริษัทจะมีแบบบ้านสำเร็จรูปที่ออกแบบไว้แล้วให้เจ้าของบ้านเลือกหลากหลายราคาตามขนาดและวัสดุที่ใช้ บริษัทจะทำการก่อสร้างตามแบบนั้นๆ ซึ่งเจ้าของบ้านจะไม่สามารถปรับแก้แบบ หรือปรับแก้ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ภาพ: ตัวอย่างแบบบ้านสำเร็จรูปสไตล์โมเดิร์น พร้อมตารางรายการวัสดุ จากบริษัทรับสร้างบ้าน
สนใจ บริการออกแบบบ้านโดยสถาปนิกมืออาชีพ คลิก
- รูปแบบที่ 2 จะมีสถาปนิกให้บริการออกแบบบ้านและทำการก่อสร้างตามแบบ แต่แบบบ้านที่ได้อาจไม่ได้มีลักษณะเฉพาะตรงตามสไตล์ความชอบของเจ้าของบ้านมากนัก เพราะทางบริษัทจะเน้นรูปแบบซึ่งสอดคล้องกับวิธีก่อสร้างที่ทางบริษัทชำนาญเป็นหลัก
การสร้างบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้าน มีข้อดีเรื่องความสะดวก เจ้าของบ้านติดต่อประสานงานกับบริษัทรับสร้างบ้านเพียงแห่งเดียว โดยไม่ต้องหาสถาปนิก นักออกแบบ ผู้รับเหมา ผู้ควบคุมงานก่อสร้างด้วยตัวเอง ควบคุมงบประมาณง่าย รู้ค่าใช้ล่วงหน้าที่ต้องเตรียมค่อนข้างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้บ้านที่มีคุณภาพ เจ้าของบ้านควรเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่น่าเชื่อถือ มีประวัติการสร้างบ้านจากผลงานในอดีตที่ดี ทั้งนี้ เราอาจหาที่ปรึกษาที่ไว้ใจได้มาเป็นคนกลางเพิ่มเติมในการประสานงานกับบริษัทรับสร้างบ้านอีกที เพื่อให้งานก่อสร้างเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น