เที่ยวชมบ้านสวยจากดินแดนในฝัน “เมืองการ์มิซ” เสน่ห์ของสถาปัตยกรรมเมืองหนาวที่จะทำให้บ้านอบอุ่นขึ้น
การ์มิซ-พาร์เทนเคียร์ (Garmisch and Partenkirchen) เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่แนวเทือกเขาเเอลป์ ทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนี เมืองที่อากาศดี ธรรมชาติสวยงาม และมีสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้อยากมาเยี่ยมเยือนสักครั้งนั่นก็คือ การอนุรักษ์อาคารบ้านเรือน สถาปัตยกรรมดั้งเดิมในสไตล์บาวาเรียนที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน
“บ้านปูนสองชั้น หลังคาทรงจั่ว ผนังเขียนสี หน้าต่างบานยก ระเบียงไม้หน้าบ้าน” มีให้เห็นกันเกลื่อนตาในเมืองแห่งนี้ ถึงแม้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองการ์มิซจะถูกทหารอเมริกายิงระเบิดถล่มเสียหาย อาคารเก่าแบบดั้งเดิมพังทลาย หลงเหลือเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่หลังจากเยอรมันปราชัย กองทัพอเมริกาก็เข้ายึดและสร้างการ์มิซใหม่ให้กลายเป็นเมืองตากอากาศ โดยยังคงรักษาสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ บ้านเรือนส่วนใหญ่ปรับเปลี่ยนเป็นเชิงพาณิชย์ เช่น รีสอร์ต ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายสินค้า เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาในทุกฤดู เมื่อถึงฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุม นักท่องเที่ยวจะนิยมมาเล่นสกีบนยอดเขาซุกชปิทเซอ (Zugspitze) และเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อน ดอกไม้จะเบ่งบานรอบๆ เนินเขา เหมาะกับการเดินป่าชมธรรมชาติอันสวยงาม
ภาพ: ช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้พื้นเมืองอย่างดอก Loewenzahn หรือ Dandelion จะบานสะพรั่งไปทั่วเนินเขา
อาคารบ้านเรือนยังคงอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ในสไตล์บาวาเรียน (Bavarian) เน้นการใช้วัสดุท้องถิ่นมาเป็นส่วนประกอบ และด้วยสภาพอากาศที่มีหิมะตกจนได้สมยานามว่า “เมืองสกีหิมะ” อาคารบ้านเรือนจึงถูกออกแบบให้รองรับกับสภาพอากาศ เริ่มจากหลังคาที่ต้องมีความแข็งแรงเพื่อรับน้ำหนักของหิมะ โดยส่วนใหญ่เป็นหลังคาทรงจั่ว เอียง 30- 45 องศาเพื่อช่วยให้หิมะไหลสู่พื้นอย่างรวดเร็ว
ภาพ: หลังคาส่วนใหญ่เป็นหลังคาทรงจั่ว ที่มีความลาดเอียงประมาณ 30 - 45 องศา
โครงหลังคาทำจากไม้สนและไม้โอ๊คซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งและเป็นวัสดุท้องถิ่นแบบดั้งเดิม มุงด้วยกระเบื้องลอนซึ่งช่วยระบายหิมะให้ไหลลงเร็วขึ้น ตกแต่งด้วยจันทันและค้ำยันไม้แกะสลักสวยงาม ที่ขาดไม่ได้คือระเบียงหน้าบ้าน (Balcony) ที่แทบทุกหลังจะต้องมีเป็นส่วนประกอบ โชว์ความประณีตสวยงามของราวกันตกซึ่งนิยมใช้ไม้แกะสลัก สลับกับเหล็ก Wrought Iron ที่แสดงถึงความหรูหรา
ภาพ: ระเบียงยาวจากไม้สนแท้ ซึ่งเป็นไม้ท้องถิ่นของเมืองการ์มิซ และราวกันตกที่ตกแต่งด้วยเหล็ก Wroth Iron ลวดลายอ่อนช้อยสวยงาม
สิ่งที่โดดเด่นของบ้านเรือนในเมืองการ์มิซคือ ผนังอาคาร เน้นการใช้วัสดุหลักอยู่ 2 ประเภทคือ ไม้และปูนฉาบ โดยในส่วนผนังชั้นที่ 2 จะก่อผนังปูน และกรุไม้ทับเป็นชั้นที่ 3 เพื่อป้องกันความเย็นจากภายนอก แต่ด้วยไม้แท้ดูแลค่อนข้างยาก อาคารบางหลังจึงเปลี่ยนเป็นผนังปูนทั้ง 3 ชั้น โดดเด่นด้วยผนังเขียนสี Fresco (การเขียนสีบนผนังปูนเปียก) เป็นเทคนิคโบราณในการวาดจิตรกรรมฝาผนังให้เนื้อสีซึมเข้าไปในเนื้อปูน ซึ่งสีจะติดทนนานหลายร้อยปี ถือเป็นเสน่ห์ให้กับเมืองได้อย่างมากทีเดียว
ภาพ: ผนังเขียนสี Fresco ที่ศิลปินมักจะถ่ายทอดเรื่องราวของกษัตริย์ อัศวิน และศาสนาคริสต์
ภาพ: โบสถ์คริสต์ส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค มีหลังคายอดแหลมสูง สื่อถึงพระเจ้าที่อยู่บนสรวงสวรรค์
สำหรับเมืองหนาวอย่างการ์มิซ นอกจากการทำกำแพงให้หนาทึบตันแล้ว ก็ยังนิยมออกแบบให้ช่องหน้าต่างมีขนาดเล็กด้วย เพื่อป้องกันความเย็นไม่ให้เข้าสู่ภายในอาคาร รวมถึงการสร้างห้องใต้ดิน ที่นิยมทำเป็นห้องเก็บไวน์เพราะมีอุณหภูมิที่ช่วยรักษาคุณภาพของไวน์ได้ดี หน้าต่างจะเป็นบานยกและบานกระทุ้ง ทำจากไวนิลและอะลูมิเนียมที่ช่วยเก็บความอบอุ่นภายในบ้าน ทดแทนวงกบไม้ที่เป็นวัสดุดั้งเดิม นอกจากนี้เมืองการ์มิซยังขึ้นชื่อในเรื่องหินคอบเบิลสโตน ที่เดิมทีนิยมกรุผนังอาคาร แต่ก็ปรับเปลี่ยนมาปูถนนตามตรอกซอกซอย รถยนต์สามารถสัญจรได้สะดวก แสดงให้เห็นความแข็งแกร่งของวัสดุได้เป็นอย่างดี
ภาพ: หน้าต่างบานกระทุ้งตกแต่งด้วยบานเปิดอีกชั้น วาดลายซุ้มประดับสวยงามด้วยเทคนิคการเขียนสีแบบ Fresco
ภาพ: พื้นทางเดินปูด้วยหินคอบเบิลสโตน ถือเป็นเสน่ห์ที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเมืองนี้
ภาพ: บรรยากาศบ้านเรือนที่เงียบสงบ ด้านหลังเห็นวิวยอดเขาซุกชปิทเซอ แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองการ์มิซ
สถาปัตยกรรมเมืองการ์มิซ ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศเมืองหนาว และการเลือกใช้วัสดุในท้องถิ่นที่เหมาะสม จนเกิดเป็นเสน่ห์ที่สร้างความทรงจำและความประทับใจให้กับผู้คนที่ได้ผ่านมาพบเจอเมืองเล็กๆ แห่งนี้