หลักการฮวงจุ้ยบ้านดีที่มีเหตุมีผลทางวิทยาศาสตร์ ตรงกับแนวคิดในการออกแบบบ้านของนักออกแบบและสถาปนิก
ฮวงจุ้ยบ้านที่นักออกแบบหรือสถาปนิกได้ยินแล้วมักปวดหัว เพราะซินแสมักมาหลังการออกแบบแล้วเสร็จ และมาด้วยตัวเลขหรือหลักการบางอย่างที่บางครั้งทางวิทยาศาสตร์ยังอธิบายไม่ได้ ซึ่งแนวโน้มปัจจุบันเจ้าของบ้านให้ความสนใจฮวงจุ้ยบ้านมากขึ้น เพื่อความเป็นสิริมงคลของผู้อยู่อาศัย รวมถึงการอยู่อย่างสุขกายสบายใจภายในบ้านไปตลอดทั้งชีวิต
การดูฮวงจุ้ยบ้านตามศาสตร์จีนจะใช้พลังหยินและหยาง รวมถึง ธาตุทั้งห้า และระบบปราณ 8 ทิศ เพื่อดึงเอาพลังงานจากธรรมชาติเข้าสู่ตัวบ้าน สร้างสมดุลทุกทิศทาง ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพที่ดี อยู่สบาย มีความสุข การงานเจริญรุ่งเรือง โชคลาภเงินทองไหลมาเทมา
ซึ่งการคำนึงถึงทิศทาง แดด ลม มีความสอคล้องกับการออกแบบของสถาปนิกหรือหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่มุ่งเน้นให้เจ้าของบ้านอยู่สบายเช่นกัน บทความนี้จึงอยากแนะนำหลักการฮวงจุ้ยบ้านดีที่นักออกแบบเชื่อว่าใช่ให้คนกลางอย่างเจ้าของบ้านเข้าใจง่าย และไม่ต้องปวดหัวตามนักออกแบบหรือสถาปนิกอีกต่อไป
.
1. ฮวงจุ้ยบอกว่า “หน้าบ้านควรมีพื้นที่เปิดโล่ง”
ตามหลักฮวงจุ้ยบ้านดี หน้าบ้านต้องมีลานกักเก็บพลังงาน ยิ่งโล่งกว้างยิ่งกักเก็บพลังงานไว้ได้มาก อาจเป็นสนามหญ้าหน้าบ้านหรือลานกลางแจ้งที่ควรจัดสวนปลูกต้นไม้ไว้ด้วย เพราะคนจีนโบราณเชื่อว่าทางเข้าบ้านที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้จะช่วยเพิ่มพูนเงินทอง แต่ต้องระวังอย่าให้ต้นไม้ใหญ่ดูเกะกะหรือบดบังหน้าบ้าน เพราะนั่นหมายถึงการกีดขวางพลังงาน ขัดโชคขัดลาภ
ในส่วนแนวคิดของนักออกแบบเป็นการคำนึงถึงลมที่สามารถพัดผ่านได้ดี มองจากภายในบ้านแล้วโปร่งสบายตา มองจากภายนอกบ้านมีระยะที่ไม่ปะทะสายตาเห็นคนในบ้านง่ายเกินไป บ้านดูมีพื้นที่โล่งไม่อึดอัด สอดคล้องกับ พรบ.ควบคุมอาคาร ที่มีการกำหนดระยะร่นหน้าบ้านแตกต่างกันตามแต่ละประเภทอาคารเพื่อไม่ให้สิ่งปลูกสร้างชิดกับแนวเขตที่ดินหรือถนนเช่นกัน
ภาพ: หน้าบ้านมีพื้นที่โปร่งโล่งไม่อึดอัดถูกหลักฮวงจุ้ยและหลักการออกแบบ
.
2. ฮวงจุ้ยบอกว่า “ประตูหน้าบ้านต้องไม่ตรงกับประตูบานอื่น”
หลายคนน่าจะเคยได้ยินหลักฮวงจุ้ยหรือซินแสทักว่าประตูหน้าบ้านห้ามตรงกับประตูห้องน้ำเด็ดขาด เพราะห้องน้ำเป็นศูนย์รวมของพลังไม่ดี จะส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยไม่เป็นสุข ร้อนอกร้อนใจ วุ่นวายใจ ส่วนแนวคิดของนักออกแบบนอกจากเปิดประตูหน้าบ้านเข้าไปเจอภาพที่ไม่น่าดูอย่างโถชักโครกหรืออ่างล้างมือแล้ว ยังเป็นเรื่องของกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่อาจควบคุมได้บ้างไม่ได้บ้าง รบกวนการเข้าบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่มีแขกมาเยี่ยมเยียนบ้าน
ประตูหน้าบ้านห้ามตรงกับประตูหลังบ้าน เพราะพลังงานที่ดีเข้ามาแล้วจะไหลออกไปทันที ส่งผลให้หาเงินทองมาได้เท่าไหร่ก็มีเรื่องให้ใช้จ่ายจนหมด จริง ๆ แล้วตามหลักการออกแบบนอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว ก็เป็นเรื่องทิศทางลมด้วย ช่องเปิดของอาคารแต่ละด้านควรเยื้องกัน เพื่อให้ลมหมุนเวียนในบ้านได้ดี
ภาพ: ประตูหน้าบ้านตรงกับประตูห้องน้ำผิดหลักฮวงจุ้ย และไม่สวยงามในเชิงการออกแบบ
.
3. ฮวงจุ้ยบอกว่า “ขั้นบันไดต้องเป็นเลขคี่”
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกับการนับขั้นบันไดให้ตรงกันเสียก่อน คือ ให้นับที่ขั้นบันได ไม่ต้องนับชานพักหรือพื้นชั้นบนสุด
คนไทยโบราณมักบอกว่า บันไดเลขคู่สำหรับผี บันไดเลขคี่สำหรับคน ตามหลักฮวงจุ้ยขั้นบันไดจะถูกตีความว่า พลังงานหยิน (เลขคู่) หมายถึง ความตายหรือจุดจบ กับพลังงานหยาง (เลขคี่) หมายถึง ชีวิตและจุดเริ่มต้น เมื่อมองตามหลักวิทยาศาสตร์พบว่า เป็นเรื่องความสมดุลของร่างกาย จังหวะการก้าวเท้าที่ต้องสลับกัน หากเริ่มก้าวขึ้นด้วยเท้าซ้ายก็จะจบที่ชานพักด้วยเท้าขวา หรือใครขายาวที่มักขึ้นลงบันไดที่ละ 2 ขั้น หากเหลือก้าวสุดท้ายเป็นบันไดขั้นเดียวอาจทำให้เสียสมดุลเกิดอุบัติเหตุได้
ภาพ: การนับขั้นบันไดเลขคี่ตามหลักฮวงจุ้ย
.
4. ฮวงจุ้ยบอกว่า “ใต้บันไดต้องสว่าง ไม่ให้มีโซฟาหรือที่นั่งเล่นหรือโต๊ะทานข้าว”
ตามหลักฮวงจุ้ย ใต้บันไดเปรียบเหมือนท้องมังกร ควรติดหลอดไฟให้สว่างไสว ถือเป็นการเสริมทรัพย์ และไม่ควรนั่งทานข้าวหรือนั่งทำงานใต้บันไดจะทำการใดก็ไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าเป็นโซฟาหรือที่นั่งเล่นจะส่งผลให้เจ็บป่วย อารมณ์ฉุนเฉียว หากมองตามหลักวิทยาศาสตร์พื้นที่ใต้บันไดมีความสูงไม่มาก การจัดให้เป็นพื้นที่ทำกิจกรรมที่ต้องใช้งานตลอด อาจทำให้ไม่สะดวกในการลุกนั่ง และเกิดอุบัติเหตุได้
ภาพ: โต๊ะนั่งใต้บันไดต้องระมัดระวังการลุกนั่ง หัวอาจชนกับบันไดได้ และผิดหลักฮวงจุ้ย
.
5. ฮวงจุ้ยบอกว่า “ห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่นควรเป็นทรงสี่เหลี่ยม”
หลักการของฮวงจุ้ยอีกข้อคือ ไม่ควรออกแบบห้องที่มีรูปทรงแปลกๆ เช่น สามเหลี่ยม จะส่งผลให้คนในบ้านมีปากเสียงหรือทะเลาะกันบ่อยครั้ง ที่สำคัญต้องมีขนาดห้องที่พอดีกับจำนวนคนในบ้าน กว้างพอให้สมาชิกทุกคนนั่งดูทีวีพร้อมกัน หรือทำกิจกรรมร่วมกันได้ ห้องนั่งเล่นที่เล็กเกินไป รวมถึงการไม่มีห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่นในบ้านจะถือว่าผิดหลักฮวงจุ้ย สำหรับแนวคิดของนักออกแบบหรือสถาปนิกมักให้ความสำคัญกับพื้นที่นี้อยู่แล้ว เพราะเป็นพื้นที่ศูนย์รวมที่ทุกคนได้ใช้ร่วมกัน และเปรียบเสมือนหน้าตาของบ้านเมื่อมีแขกมาเยือน ซึ่งต้องโปร่งสว่างด้วยแสงธรรมชาติ ดูสะอาดเรียบร้อย
ภาพ: ห้องรับแขกรูปทรงสีเหลี่ยม โปร่งสว่างด้วยแสงธรรมชาติ สะอาดเรียบร้อย
.
6. ฮวงจุ้ยบอกว่า “ตำแหน่งของห้องครัวและเตาสำคัญ ต้องกำหนดให้ดี”
ห้องครัวเปรียบเสมือนธาตุไฟในหลักฮวงจุ้ย มีความเกี่ยวเนื่องกับสุขภาพ ไม่ควรวางอยู่ในตำแหน่งหน้าบ้าน หรือใกล้ทางเข้าออกของบ้าน และไม่ควรวางตำแหน่งของเตาไว้ตรงกันกับประตูห้อง (เปิดเข้าห้องครัวแล้วมองเห็นเตา) ที่สำคัญเตาต้องไม่วางใกล้กับอ่างล้างจานและตู้เย็น เพราะจะทำให้ธาตุไฟกับธาตุน้ำอยู่ใกล้กันส่งผลให้คนในบ้านเกิดการทะเลาะเบาะแว้ง ที่สำคัญห้องครัวห้ามอยู่ใกล้ห้องนอนเด็ดขาด เพราะจะทำให้เจ็บป่วย
นักออกแบบหรือสถาปนิกมักวางห้องครัวในตำแหน่งปลายลมบริเวณด้านหลังหรือด้านข้างบ้าน โดยทำเป็นครัวไทย หรือครัวเปิดโล่งที่มีกลิ่น ซึ่งเชื่อมต่อกับส่วนเตรียมอาหารในบ้าน สวน หรือลานซักล้าง และจะไม่ออกแบบให้ติดกับห้องนอนเพราะนอกจากจะส่งผลเรื่องกลิ่นอาหารแล้ว ยังมีผลเรื่องเสียงและความชื้นด้วย นอกจากนี้ ตำแหน่งของเตาและอ่างล้างจานมักถูกออกแบบให้มีพื้นที่ด้านข้างไม่วางชิดกันเพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอในการยืนทำกิจกรรมนั้นๆ เช่น ยืนล้างจาน ยืนทำอาหาร
ภาพ: ตำแหน่งของเตาและอ่างล้างจานไม่วางชิดกันเพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอในการยืนล้างจาน ยืนทำอาหาร
.
7. ฮวงจุ้ยบอกว่า “ห้องนอนดีสร้างความมั่นคง”
ห้องนอนเป็นตำแหน่งที่สำคัญในบ้านตามหลักฮวงจุ้ย ประตูห้องนอนไม่ควรตรงกับบันได เพราะถ้าเปิดมาแล้วเจอกับบันไดถือว่าเป็นทางผีผ่าน หัวเตียงควรเป็นผนังทึบ ไม่ควรมีหน้าต่าง เพราะทำให้พลังชี่ในการนอนไม่สมดุล ส่งผลด้านสุขภาพ ส่วนแนวคิดจากนักออกแบบมองว่า การที่เปิดประตูมาเจอกับบันได นอกจากเรื่องความสวยงาม ยังสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุด้วย และมักจะไม่หันหัวเตียงตรงกับหน้าต่าง เพราะอาจส่งผลให้หลับไม่สนิท สร้างความรู้สึกไม่ปลอดภัยได้ นอกจากนี้ หากไม่ได้ใช้เครื่องปรับอากาศและต้องเปิดหน้าต่างไว้ตอนนอน ก็อาจส่งผลให้เจ็บป่วยได้เนื่องจากลมที่โชยผ่านศรีษะตลอดทั้งคืน
ภาพ: วางหัวเตียงที่ผนังทึบให้หน้าต่างอยู่ด้านข้างเตียงตามหลักฮวงจุ้ยและหลักการออกแบบ
.
ฮวงจุ้ยบ้านดีที่สอดคล้องกับแนวคิดการออกแบบของนักออกแบบและสถาปนิกที่หลักการทางวิทยาศาสตร์ตอบได้ เป็นทางเลือกให้เจ้าของบ้านได้พิจารณาใช้ การปรับปรุงฮวงจุ้ยก็ควรให้เหมาะสมพอดีกับผู้อยู่อาศัยเอง ให้รู้สึกไม่ขัดเขินหรือลำบากจนเกินไป และเป้าหมายสุดท้ายคือเพื่อการอยู่สบายอย่างมีความสุขในบ้านที่เราต้องอาศัยร่วมกับคนที่เรารักไปตลอดชีวิต
.
อ่านเพิ่มเติม: จัดห้องครัวให้ถูกหลัก เสริมฮวงจุ้ยที่ดีให้บ้าน
อ่านเพิ่มเติม: แต่งบ้านเสริมมงคลกับฮวงจุ้ยบ้านเลขที่